พลังซ่อนเร้น 6 ประการในการนำคุณสู่ความสำเร็จ (ตอนที่ 3)

พลังซ่อนเร้นประการที่ 5 คืออย่าจดจ่อกับความมั่นคง

        ในอดีตที่ผ่านมาเป็นเวลายาวนาน เรายอมรับว่าชีวิตเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนาม  พวกเขาต้องเผชิญกับสิงสาราสัตว์ตัวใหญ่ที่คอยล่าเหยื่อในการสังหารมนุษย์เพื่อเป็นอาหาร  จึงมีคำคู่กันที่มักพูดกันคือสำเร็จ หรืออดอยากหิวโหย, จะสังหารมันหรือมันจะสังหารเรา    พอยุคศิวิไลซ์ก็ค้นพบว่าการใช้ฟืนไฟ แล้วมาเป็นอีเล็คโทรนิค และแก๊สหุงต้มเพื่อให้เกิดความอบอุ่น มีการซื้ออาหารมาจากตลาดและสร้างบ้านด้วยหิน คนสมัยก่อนไม่ค่อยกังวลเกีกับเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดหวังเกิดขึ้นซึ่งคุกคามชีวิตอย่างป่าเถือนทั้งขึ้นทั้งล่อง ดังนั้นจึงมีคิดระบบประกันชีวิตขึ้นมา
       ความคิดเกี่ยวกับประกันภัยคือการคุ้มครองจากผลกระทบในสิ่งที่ไม่คาดหวัง ในทางทฤษฎีเป็นความคิดที่ดี แต่ในทางกลับกันในสังคมของเราหากมีแต่ผู้แสวงหาความมั่นคง มันจะทำให้ความเข้มแข็งของเราอ่อนแอลงไป ทั้ง ๆที่คนเรารู้ว่าเราสามารถก้าวพ้นปัญหาใด ๆหรือสถานการณ์ใดที่ชีวิตเรารอดพ้นได้   ความคิดที่ตีบตันในการเป็นทาสนี้มีมากมายก่ายกอง  ยิ่งมีความมั่นคงเท่าใด เราก็จะมีอิสระทางจิตใจน้อยลงเท่านั้น เราสามารถสนุกสนานกับโอกาสของความสำเร็จ และความอุดมสมบูรณ์

จงกล้าที่จะใช้โอกาส   
    สถานที่จะค้นหาความมั่นคงคือนักโทษ หรือโรงพยาบาลโรคจิต ที่มีหลักประกันอยู่เหนือหัวเรา คือมีอาหารและความอบอุ่น และไม่ต้องรับผิดชอบใด ๆ มีการติดป้ายราคาแห่งความมั่นคงใช่ใหม? แต่ไม่มีอิสรภาพ  โชคไม่ดีที่เป็นการง่ายเกินไปที่ซึมซับกับรายละเอียดสิ่งที่เลวร้ายทีไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเรา   คนส่วนมากมองว่าเป็นเรื่องง่ายที่จะคิดเกี่ยวกับสิ่งดีๆที่จะเกิดขึ้น  คนเราจะเกาะติดความมั่นคงกลายเป็นบ่วงรัดจินตนาการที่จะเผชิญกับข่าวร้ายที่เกิดขึ้นมา  และพวกเขาก็ยินยอมให้จินตนาการเหล่านี้ทำลายความมุ่งมั่นของเขา   เป็นสิ่งน่ากลัวในการเริ่มต้นกับความคิดธุรกิจใหญ่ ๆ เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาจินตนาการนำไปสู่ความผิดพลาด  การตื่นเต้นมากเกินไปในการขาย และซื้อบ้านหลังใหญ่ในอีกพื้นที่อื่น เพราะว่าราคาบ้านลดลงหรือเด็ก ๆ ไม่ชอบไปโรงเรียนใหม่ หรือดังนั้นก็ดำเนินการไปกับรายละเอียดอย่างไม่สิ้นสุด   เด็ก ๆ ทุกคนรักสิ่งที่แปลกหูแปลกตา และชีวิตมีความสนุกสนาน และตื่นเต้นเพราะเหตุนี้   ในขณะที่พวกเราเติบโตและเราได้ต่อสู้กับความมั่นคง เราขจัดความเสี่ยงในการลงมือทำด้วย  เราขจัดความประหลาดใจ และจำกัดโอกาสในการบรรลุความสำเร็จมากกว่าจะมีชีวิตที่ซ้ำซาก  หากคุณต้องการมั่นใจว่าคุณจะไม่รั้งรอกับความต้องการตื่นเต้นในชีวิตของคุณ ควรปฏิบัติดังนี้
1.      กล้าจะเป็นตัวของตัวเอง
2.     กล้าจะปรับปรุงลีลาของตัวเอง แทนที่จะทำตามแฟชั่น
3.     กล้าที่จะศึกษาและทำงานเพื่อปรับปรุงตัวของคุณในอาชีพที่ทำ
4.     กล้าที่จะมีทัศนคติจิตใจเชิงบวกและกล้าที่จะลงมือทำหรือในทำนองเดียวกันคือ กล้าที่จะแสวงหาโอกาส
 
พลังซ่อนเร้นประการที่ 6 คือ ฉันชนะแน่นอน
       จิตใจของเราขับเคลื่อนตัวเราให้บรรลุความสำเร็จอย่างแท้จริงในสิ่งที่เราเชื่อว่าเราสามารถบรรลุความสำเร็จได้  ซึ่งข่าวดีก็คือในอดีตที่ผ่านมาเราได้ทำความเข้าใจในสิ่งนี้และ เราเป็นนายแห่งศิลปะเกี่ยวกับความคิดที่ถูกควบคุม แล้วเราสามารถจะนำตัวเราสู่เป้าหมายปลายทางของความสำเร็จ   การทดลองด้วยการควบคุมมาเป็นเวลาหลายปีที่ผ่านมาโดยครูผู้สอน,เพื่อนและครอบครัวที่ค่อนข้างอารมณ์เสียหรือทำร้ายคนอื่น ได้กลับมาเป็นเด็กที่ไม่ฝ่าฝืนกฎระเบียบในอัตราเปอร์เซ็นต์ที่สูง   อย่างไรก้ตามกลุ่มที่เป็นเด็กดี (ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันจากจุดเริ่มต้นในการศึกษา) เชื่อฟังครู เพื่อน ๆ และครอบครัวต่างช่วยกันลดปัญหา และมาสู่โรงเรียนก็เป็นเด็กดี ต้องทำอย่างต่อเนื่อง 
     ในแต่ละกลุ่มเด็กบรรลุวัตถุประสงค์ตามสิ่งที่บุคคลล้อมรอบและเชื่อฟังในการสามารถเป็นดีได้  ผลสรุปของการศึกษาที่คล้ายคลึงกันส่วนมากก็คือ การคิดว่าทำได้ เพียงแต่เป็นกระจกส่องทางที่สามารถทำให้ทีมฟุตบอลล์เอาชนะผู้เริ่มต้นในการเล่นเกมส์ด้วยคำที่เป็นทัศนคติว่า “เรารู้ว่าพวกเขาจะกดดันเรา”
      หากคุณจำเป็นต้องขจัดพันธะกรณีของคำว่า “ฉันสามารถลดการไม่เป็นตัวของตัวเองได้แน่นอน”
1.      พยายามพูดคุยในเชิงบวกกับตัวเอง
2.     นำตัวเองไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมกับบุคคลที่คิดบวก
3.     คิดว่า “ฉันกำลังไปสู่ความสำเร็จ”
4.     คิดว่า “ฉันคือผู้ชนะคนหนึ่ง”
      มีเพียงคนเดียวที่คุณเห็นแจ้งด้วยตัวของคุณเอง คนอื่นๆ ก็จะกระจ่างไปกับคุณโดยอัตโนมัติในสิ่งที่คุณยิ่งใหญ่ และประสบความสำเร็จ ภายหลังจากคุณเห็นแจ้งด้วยตัวคุณเอง

   

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ระบบการเมืองที่ดีเหมือนปลาในอ่างแก้วที่มองเห็นตัวปลาชัดเจน

ตัวแบบจำลองภารกิจของแอสริช (Ashridge Mission Model)

การปฏิรูปการศึกษาในต่างประเทศ