บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2013

การเปรียบเทียบกรอบแนวคิดของมาร์กซ์และรุสโซ่

การเปรียบเทียบกรอบแนวคิดของมาร์กซ์และรุสโซ่           จัง - จ๊าค รุสโซ่ และคารล์มาร์กซ์เคยแบ่งปันด้วยความไม่มั่นใจเกี่ยวกับแผนเสรีภาพที่เรียกร้องจากนักทฤษฎีทางการเมืองโดยจอห์น ล๊อค และโทมาส ฮ็อบส์  จากความไม่แน่ใจเป็นผลมาจากแหล่งที่มาของความคิดที่แตกต่างกัน กล่าวคือ สำหรับรุสโซ่แล้ว ปัญหาก็คือเรื่องที่เกี่ยวข้องเฉพาะทางการเมือง ปัญหาของปัจเจกชนแบบเสรีชนและยินยอมว่าส่วนประกอบของเจ้าของการกำหนดให้มีรัฐบาล   ทางเลือกของแนวคิดรุสโซ่เน้นที่การมีส่วนรวมที่เป็น “เจตน์จำนง”  ข้อวิพากย์ของมาร์กซ์เป็นเรื่องที่ใช้ความรุนแรกมาก  โดยสรุประบบเศรษฐกิจเป็นปัญหาและเป็นการโค่นล้มระบบชนชั้นทางเศรษฐกิจที่รัฐประชาธิปไตยจะสามารถบรรุลความสำเร็จได้   การนำไปสู่เป้าหมายปลายทางแห่งตรรกะเช่นนั้นโดยที่รัฐที่แท้จริงจะสูญสลายไปเพราะว่าทำให้ลักษณะทางเศรษกิจและการเมืองล่มสลาย  สำหรับบทความนี้จะได้นำเสนอสิ่งที่เกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้ง สัญญาประชาคมของรุสโซ่           โทมาส ฮ๊อบส์และจอห์น ล๊อคทั้งสองคนจุดความคิดในลักษณะที่คล้ายคลึงกันแต่ขัดแย้งกัน ท้งในด้านสัญญาประชาชาคมและรูปแบบความคิด    สัญญาประชาคมของฮ๊อบส์ได

การคิดใหม่เพื่อความสมเหตุสมผลทางการบริหารงานในสาธารณรัฐประชาธิปไตย (1)

    ผลงานใหม่ที่รจนาจากนักวิชาการซึ่งดูแล้วขัดแย้งกับแนวความคิดเกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจและประสิทธิภาพกับวิสัยทัศน์อย่างกว้างขวางของระบบเศรษฐกิจของสังคม และประสิทธิภาพทางสังคมซึ่ง Dwight Waldo ให้ความคิดที่มีชื่อเสียงในสิ่งตีพิมพ์หนังสือที่ชื่อว่า "รัฐบริหาร" (Administrative State)  และเป็นคำถามที่แท้จริงที่เผชิญหน้าในหมู่นักวิชาการและนักปฏิบัติการซึ่งวอลโดมองว่ารัฐมีประสิทธิภาพเพื่ออะไร?  ความคิดที่เป็นเชิงพรรณาและมีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่เที่ยงตรงและนำไปใช้ประโยชน์ได้  แต่เพียงว่าอยู่ภายในกรอบความคิดที่ยึดถือค่านิยมอย่างมีจิตสำนึก    วอลโดเพิ่มข้อสังเกตว่าความยุ่งยากในการประเมินประสิทธิภาพเมื่อเกิดสิ่งที่ไม่เห็นด้วยกับค่านิยมที่มีข้อผิดพลาด   ในฐานะที่กรอบอ้างอิงของตัวบุคคลมีขอบเขตกว้างขวางขึ้นและกลับมายุ่งยากและข้อความเกี่ยวกับประสิทธิภาพที่เกี่ยวข้องกับการจัดเตรียมการที่แตกต่างลงกลับมามีความถูกต้องน้อยลง และมีลักษณะตรงกันข้ามสูงขึ้น              สิ่งที่ท้าทายได้ก่อตัวอย่างเด่นชัดมากขึ้นสำหรับผู้จัดการภาครัฐในทศวรรษที่ผ่านมา  บรรพบุรษก่อนหน้านั้นในยุค

การสร้างทีมงานที่ดีแบบ 12 C’s

การสร้างทีมงานที่ดีแบบ 12 C’s           คนที่อยู่ใน สถานที่ทำงาน ทุกคน พูดคุย เกี่ยวกับการสร้าง ทีมงาน ที่ ทำงานเป็นทีม แต่ ไม่กี่ เข้าใจวิธีการ สร้างทีมงาน ประสบการณ์ของ การทำงานเป็นทีม หรือ วิธีการพัฒนาทีมงาน ที่มีประสิทธิภาพ เป็น ทีมใน ความหมายกว้างเป็นผลมาจาก ความรู้สึกที่ เป็นส่วนหนึ่งของ สิ่งที่ใหญ่ กว่าตัวเอง มีจำนวนมาก จะทำอย่างไรกับ ความเข้าใจของภารกิจ หรือ วัตถุประสงค์ขององค์การ ของคุณ            ในสภาพแวดล้อมที่ ทีมงาน ที่มุ่งเน้นคุณ นำไปสู่ ​​ความสำเร็จโดยรวม ขององค์กร คุณทำงาน กับเพื่อน สมาชิกขององค์การที่จะผลิตผลลัพธ์เหล่านี้ ถึงแม้ว่า คุณจะมี ฟังก์ชั่น การทำงาน ที่เฉพาะเจาะจงและ คุณอยู่ใน แผนก ที่เฉพาะเจาะจงคุณต้องการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับสมาชิกใน องค์การเพื่อให้ บรรลุวัตถุประสงค์ โดยรวม ภาพใหญ่   แรงขับเคลื่อนในการกระทำ ของคุณ ทำงานของคุณ ที่มีอยู่เพื่อ ให้บริการ ภาพใหญ่          คุณจำเป็นต้อง แยกความแตกต่าง นี้ ความรู้สึก โดยรวมของ การทำงานเป็นทีม จากงาน ในการพัฒนาทีมงาน ที่มีประสิทธิภาพที่ สมบูรณ์ จะเกิดขึ้น เพื่อให้บรรลุ เป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง   บุคคลมีวั

การวิเคราะห์ Swot Analysis ระหว่างแนวคิดประชาธิปไตยแบบรากหญ้า กับแบบอนุรักษ์นิยม

            การเมืองไทยได้มีการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง ได้กำเนิดขึ้นมาตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครองของคณะราษฏร์โดย ดร.ปรีดี พนมยงค์ปรารถนาจะให้มีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แต่การเมืองการปกครองที่ผ่านมากลุ่มชนชั้นแนวอนุรักษ์นิยมได้เข้าครอบครองและกลายเป็นชนชั้นอภิสิทธิ์มาเป็นเวลานาน ยามใดที่ประชาชนได้มีผู้นำที่มาช่วยเหลือให้มีความเข้มแข็งหรือมีการพัฒนาดีขึ้นเมื่อใด ยามนั้นฝ่ายอนุรักษ์นิยมฝ่ายขวาก็จะไม่ชื่นชอบ แต่จะสร้างวาทะกรรมที่หลอกลวงประชาชนให้คลั่งไคล้รูปแบบเก่า ๆ โดยไม่ได้หันมามองสิ่งใหม่ ๆ ที่จะพัฒนาสังคมให้ดีขึ้น ทั้งนี้เป็นการรักษาความได้เปรียบในชนชั้น  และอภิสิทธิ์ต่าง ๆที่มีอยู่อย่างมากมาย แม้แต่กระทั่งกระบวนการกฎหมายก็ไม่มีมาตรฐานเพราะกลายเป็นกฎหมายชนชั้น  ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมที่คนชั้นกลางจำนวนมากก็ลุ่มหลงและอยากมีอภิสิทฺธิ์เหมือนกับคนชั้นสูง  ซึ่งไม่ได้มองไปยังชนชั้นล่าง   สำหรับความแตกต่างระหว่างประชาธิปไตยแบบก้าวหน้าของคนส่วนใหญ่ กับประชาธิปไตยแบบล้าหลังโบราณ มีความแตกต่างอย่างไร ทัศนะความคิด       ประชาธิปไตยของกลุ่มก้าวหน้า                 ประชาธิปไตยของกลุ

แนวคิดของรองประธานกรรมาธิการทัชจานี กับการถกวาทะในการประชุม "เส้นทางการเติบโตสำหรับธุรกิจที่เป็นมิตรกับการบริหารภาครัฐ

         รองประธานกรรมาธิการทัชจานี กับการปาฐกถาวาทะในการประชุม "เส้นทางการเติบโตสำหรับธุรกิจที่เป็นมิตรกับการบริหารภาครัฐ  ที่ชาเลแมกเน่   วันที่ 29 ตุลาคม 2556  เวลา 9.15 - 9.30 น. "สวัสดีท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่เคารพ  นับว่าเป็นสิ่งที่ผมมีความภูมิใจที่รับเชิญท่านมาในการประชุมในประเด็นซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง  กล่าวคือทำอย่างไรจึงจะปฏิรูปการบริหารภาครัฐในยุโรปเพื่อช่วยให้เพิ่มพลังความเติบโตเศรษฐกิจ  ภายใต้ชื่อเรื่องเส้นทางสู่ความเติบโต: เพื่อธุรกิจเป็นมิตรกับการบริหารภาครัฐ"     มีคำสำคัญอยู่สองคำคือ "ความเติบโต" และมิตรภาพในเชิงธุรกิจ  เราจำเป็นที่่จะสืบเรื่องราวย้อนหลังเกี่ยวกับยุโรป เพื่อส่งเสริมให้ความเติบโตทางเศรษฐกิจดีขึ้น และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเพื่อธุรกิจและพลเมืองของเรา   หนทางสำคัญในการบรรลุถึงสิ่งนี้ก็คือการทำให้เกิดความมั่นใจว่าบริษัททั้งหลายกำลังดำเนินงานภายใต้สิ่งแวดล้อมทางธรุกิจที่นำเสนอ   พวกเราไม่สามารถเติบโตได้โดยปราศจากการแข่งขัน    รัฐบาลไม่ว่าจะเป็นยุโรป,ระดับชาติหรือระดับภูมิภาค ได้ดำเนินบทบาทสำคัญในกระบวนการนี้   รัฐบาลจำเป็นต้

กลวิธีการเปลี่ยนแปลงองค์การทางการเมือง เพื่อความสัมฤทธิผล

         ปัจจุบันการเคลื่อนไหวเพื่อการเ ปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของตัวบทก ฎหมายที่สำคัญสูงสุดในการปกครอง ประเทศ หากรัฐธรรมนุญที่ได้มีการเปลี่ย นแปลงในลักษณะที่เจือปนในสิ่งที่ มิใช่ความต้องการของประชาชนส่ว นใหญ่ย่อมเกิดปัญหาในลักษณะของก ารเรียกร้องที่ไม่มีการสิ้นสุด ดังนั้นผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่สำ คัญในปกครอง จำเป็นต้องมีแนวทางตามที่ Kotter 1995 ที่ผู้นำมักละเลย,มองข้าม หรือประเมินต่ำกว่าความเป ็นจริงนั้น ได้แก่ ปัจจัยที่ 1 ต้องมั่นใจว่าความต้องการเปลี่ย นแปลงของผู้นำบริหารนั้น จะต้องมีการพิสูจน์ และมีการสื่อสารชักชวนความต้องก ารการเปลี่ยนแปลงนั้น ๆ ปัจจัยที่ 2 มีการจัดสรรแผนงาน, ผู้นำบริหารจะต้องปรับปรุงทางเล ือกหรือกลยูทธ์เพื่อการเปลี่ยนแ ปลงนั้น ๆ ปัจจัยที่ 3 จะต้องสร้างแรงสนับสนุนและเอาชน ะการต่อต้านการเปลี่ยนแปลง ผู้นำบริหารจะต้องสร้างแรงสนับส นุนภายในและลดแรงต่อต้านในการเปลี่ยนแปลงโดยผ่านการมีส่วนร่วมอย่างแพร่หลายในกระบวนการเปลี่ยนแ ปลง ในท่ามกลางปัจจัยอื่น ๆ ที่นำไปสู่ความสำเร็จ ปัจจัยที่ 4 จะต้องสร้างความมั่นใจว่าแรงสนั บสนุนจากผู้บริหารระดับสูง ความผูกพันของบ

วิวาทะจำลองระหว่างดไว้ท์ วอลโด กับเฮอร์เบอร์ต เอ.ไซมอนเกี่ยวกับการบริหารในเชิงรัฐประศาสนศาสตร์

        Dwight Waldo เป็นนักวิชาการสายรัฐศาสตร์ (ตั้งแต่ปี ค.ศ.1913-2000) เป็นผู้ให้คำนิยามของการบริหารภาครัฐสมัยใหม่  เขาเป็นผู้ต่อต้านแนวคิดระบบราชการที่เน้นเทคนิคหรือวิทยาศาสตร์ และรัฐบาลที่เน้นใช้คำว่าการจัดการภาครัฐแทนที่จะเป็นรัฐประศาสนศาสตร์        จากตำราของเขาที่ชื่อว่า "Administrative State" (รัฐบริหาร) เขาเป็นนักวิชาการที่มีแนวคิดในการโหมกระแสรัฐประศาสนศาสตร์อย่างท้าทายในยุคนั้น  ประการแรกเขามีทัศนะว่ารัฐประศาสนศาสตร์ ปลอดจากค่านิยม (หมายถึงเน้นข้อเท็จจริง),ไม่เล่นพรรคเล่นพวก, เป็นสาขาสังคมศาสตร์ทีให้คำสัญญาว่าจะทำให้ภาครัฐมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล   ประการที่สองเป็นเรื่องสำคัญมาก เขาโต้แย้งว่านักวิชาการสายบริหารได้รับแรงขับเคลื่อนจากปรัชญาทางการเมือง  ประเด็นปัญหาสำคัญของปรัชญาทางการเมืองก็คือ        1. โดยธรรมชาติมนุษย์ต้องการมีชีวิตที่ดีกว่า (Good Life) เป็นวิสัยทัศน์ที่ต้องการสังคมที่ดี        2. กฎเกณฑ์ของการปฏิบัติ หรือวิธีการปฏิบัติที่จะต้องมีการตัดสินใจร่วมกัน        3. ปัญหานั้นก็คือว่าใครควรเป็นคนถือกฎนี้        4. คำถามก็คือว่าอำนาจรัฐควรจะแบ่งแย

วิธีลดความอ้วนอย่างรวดเร็ว ของไจแอน รูนี่ย์ นักกีฬาโอลิมปิคส์ระดับโลก

        ไจแอนน์ รูนี่ย์ ได้พูดกับเคต มีนอกี เกี่ยวกับแสวงหาความสุขและสุขภา พของหล่อนหลังเกษียณอายุ สุขภาพของดิฉันดีขึ้นมากในขณะนี ้เมื่อดิฉันได้ว่ายน้ำ เมื่อมีการโยนตัวลงในระดับสูงทุ กวัน ไม่ใช่มีสุขภาพดี แต่ระบบภูมิคุ้มกันมักอยู่ภายใต ความเครียด ทางด้านจิตใจ ดิฉันยังรู้สึกดีขึ้นกว่า ดิฉันพบว่ามันเป็นการง่ายในการม องโลกในแง่บวก ลุกจากเตียงง่ายขึ้น ดิฉันมองไปที่งานและมองไปที่สิ่ งที่ทำ ซึ่งเป็นการทำให้มีการเขยิบก้าว ไปดีขึ้น          ดิฉันไม่รู้ว่าชีวิตทีดีควรเป็น เช่นใด จนกระท่งดิฉันเกษียณจากการว่ายน ้ำ เมื่อดิฉันกำลังว่ายน้ำ ดินฉันจะมีทัศนคติที่ลดต่ำลง ดิฉันไม่คิดว่ากีฬาใดที่กล่าว่ว ่าเช่นนั้นไม่ได้เป็นเช่นนั้น พวกเขาเป็นเวลาที่คุณถามตัวคุณเ องในสิ่งที่คุณกำลังจะทำ          การว่ายน้ำเป็นเรื่องยากเพราะจะ มีการแข่งขันปีละครั้ง และเป็นส่ิ่งทีดิฉันชอบ ดังนั้นมันก็ยุ่งยากที่จะรักษาก ารสร้างแรงจูงใจ ดิฉนคงไม่ต้องร้องเรียนในสิ่งที ่ดิฉันรู้สึกว่ากดดัน แต่ดิฉันเรียกร้องในสิ่งที่เร่า ร้อนอย่างมาก          ดิฉันต้องดูแลในสิ่งที่รับประทา นอาหาร สิ่งนี้เป็นสิ่งสนุกสนานซึ่งเป็ นส่วนหนึ่งสำหรับฉั