คุณลักษณะ 9 ประการของผู้ประกอบการและผู้นำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ

       จากทัศนะของมอเร๋ย์ โจฮันน์เซน ได้ยกแนวคิดของวินสตัน เชอร์ชิลล์ที่ว่า "ความสำเร็จเกิดจากความล้มเหลวและล้มเหลวอีกโดยไม่มีการท้อแท้"
        การป้องกันความล้มเหลว คือหัวใจสำคัญของประกอบการและผู้นำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แต่มีข้อเขียนส่วนมากไม่ได้อธิบายสิ่งท้าทายของผู้บริหารในการดำเนินธุรกิจ นั่นคือข้อเขียนเกี่ยวกับลักษณะของผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ว่าด้วยลักษณะทางจิตวิทยา 9 ประการของผู้นำที่ยิ่งใหญ่
        1. การยกย่องตัวเอง (self-esteem) ภายใต้ทุกสิ่งทุกอย่าง คือความรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองค่อนข้างสูง แต่พอรู้สึกว่าไม่มีคุณค่าก็จะไม่ทำอะไรที่ท้าทายอีก ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการปรับปรุงให้เกิดการยกย่องตัวเอง 
        2. ปรารถนาความสำเร็จ (need to achieve) เป็นความต้องการที่เกี่ยวโยงกับผู้ประกอบการและผู้นำที่แสวงหาผลการปฏิบัติงานที่ดีที่สุด ตัวอย่างเช่นลักษณะผู้นำเป็นไปตามคำอธิบายของโอลิเวอร์ ครอมเวลล์ (ค.ศ.1599-1658) ขุนนางผู้อารักดินแดนอังกฤษ ซึ่งเขาบันทึกว่า "เขาหยุดทำสิ่งที่ดีกว่า,หยุดการทำสิ่งดี"   นักจิตวิทยาที่มีชื่อเสียงแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดชื่อเดวิด แมคเคลแลนด์ที่พูดถึงทฤษฎีเกี่ยวกับแรงจูงใจไฝ่สัมฤทธิ์ ความต้องการที่เีรียนรู้ตั้งแต่ตอนเด็กที่อบรมจากครอบครัว(1965)  บุคคลที่มีแรงจุูงใจไฝ่สัมฤทธิ์สูงเป็นคนที่เปิดรับฟังความคิดเห็น, เน้นเป้าหมาย,แสวงหาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และดิ้นรนที่จะบรรลุความสำเร็จโดยขึ้นอยู่ความเพียรพยายามของเขาเอง- ซึ่งเป็นลักษณะสำคัญของผู้นำที่ดี เขาต้องกล้าเสี่ยง แต่ไม่เสี่ยงมากเกินไป แต่เสี่ยงแบบระดับปานกลาง และอะไรคือความเสี่ยงระดับปานกลาง ?  ความเสี่ยงระดับปานกลางนั้นทำให้คุณมีความสามารถที่จะมีอิทธิพลต่อเหตุการณ์  แต่อย่าไปจัดการควบคุมให้สำเร็จสมบูรณ์  กุญแจสำคัญคือบุคคลมักเชื่อว่าตัวเขาประสบความสำเร็จ แต่ยังเป็นสิ่งที่ไม่มั่นใจ
         3. การคัดกรองโอกาส (screening for opportunity) เช่นเดียวกับคนทุกคน ผู้นำกลั่นกรองข้อมูลข่าวสารที่ได้มาเพื่อแยกข้อมุลที่ไม่เป็นประโยชน์ อย่างไรก็ตามผู้ประกอบที่สำเร็จและผู้นำธุรกิจคอยกลั่นกรองข้อมูลข่าวสารที่แสวงหาโอกาสเติบโต เขาทำเหมือนกับนักขุดทองคำที่จะต้องขุดหาสิ่งที่เป็นขี้ตะกอนมากมายเพื่อค้นหาทองคำที่มีค่าเพียงไม่มากนัก  แต่เคราะห์ไม่ดีที่นักธุรกิจจำนวนมากดูเหมือนจะมืดบอดกับโอกาสใหม่ ๆ และพลาดหนทางใหม่ที่จะทำให้ธุรกิจเติบโต บางคนใ้ห้ทัศนะว่าไม่สามารถค้นหาโอกาสที่แท้จริงได้ เป็นแต่เพียงโชคดี  แต่แน่นอนยังมีบุคคลที่ดูเหมือนจะมีเคล็ดลับของการได้จังหวะเวลาและสถานที่เหมาะสม  ยกตัวอย่างเช่น ผมไปพบเพื่อนคนหนึ่งที่เล็ดลอดหนีมาจากประเทศโรมาเนียในยุคต้นปี ค.ศ.1960 และเป็นไปดำรงชีวิตอยู่ในสหรัฐอเมริกา หลังจากอยู่ที่นั่นระยะหนึ่ง เขาตัดสินใจเริ่มธุรกิจสินค้าเครื่องหนัง โดยยกตัวอย่างบางตัวอย่างเช่นเขาเดินออกไปพูดคุยกับผู้ซื้อเกี่ยวกับการเริ่มต้นทำธุรกิจ เขาผิดหวังกับลูกค้ารายแรก เขาแสดงตัวอย่างและตอบคำถามว่า "ฉันจะซื้อทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณสามารถขายให้ฉันได้" เขาถามเหตุผลว่าทำไมเขาโชคดีและผู้ซื้อตอบมาว่า "ฉันยอมทิ้งของที่มีค่าจากผู้ขายไม่เอาใจใส่เรา" จากจุดเริ่มต้นของคำว่าโชคดี เขากลับมาปรับปรุงธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างลึกซึ้ง กลับกลายเป็นเศรษฐีมากมายตลอดมา  สิ่งหนึ่งที่แสดงทัศนะว่าเขาโชคดีหรือเขาค้นพบโอกาสที่คู่แข่งพลาดโอกาสไปต่างหาก
        4. จำกัดขอบเขตที่สนใจ  ผู้นำ และผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จจะแสดงถึงการสนใจเฉพาะเรื่องที่สนใจ  ในการศึกษาที่แตกต่างกันมากทำมาเป็นเวลาหลายปี  บุคคลที่มีความสนใจเฉพาะเรื่องที่สนใจสูงมักจะมีประสบการณ์แห่งความสำเร็จ มากกว่าคนที่มีขอบเขตสนใจเรื่องที่อยู่นอกเหนือมากเกินไป  เขาจะเป็นบุคคลที่ประสบสภาวะการณ์ภายใต้การควบคุมของคนอื่น, เคราะห์,โชคชะตา,ระบบ, นายของเขา ฯลฯ เขามีขอบเขตความสนใจที่เป้นเรื่องภายนอก เขาคาดคะเนว่าความสำเร็จที่เขามีประสบการณ์เป็นสิ่งที่มาจากความพยายามส่วนบุคคล และเขามีความสามารถในการมีอิทธิพลต่อเหตุการณ์  แต่แปลกคือยังพลอยให้ความสนใจในขอบเขตยังคงล้มเหลวจากความผิดพลาดอีกด้วย (เหมือนกับที่เดล คาร์เนกี้ เคยแนะว่าทรายผ่านทีละเม็ด ปฏิบัติงานทีละอย่าง)
        5. เน้นเป้าหมาย ธุรกิจเกิดขึ้นและก็ดำเนินต่อไป แต่ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงลักษณะทั่วไปกับผู้ค้นพบความสำเร็จก็คือ เป็นผู้มีแรงขับไปสู่เป้าหมายอย่างไม่หยุดยั้ง เขาเข้าใจการจัดลำดับความสำคัญที่จะดำเนินการทำงานอย่างต่อเนื่องต่อเป้าหมายวันแล้ววันเล่า
        สำหรับลักษณะผู้นำส่วนมากที่ดำรงไว้ที่ความมุ่งมั่นต่อเป้าหมายเป็นสิ่งที่ยากต่องการทำสิ่งต่าง ๆ ทั้งนี้ในโลกธุรกิจมีแนวโน้มที่จะไขว้เขวหรือเบนความสนใจพวกเราไป จากหนังสือที่แมคแคนซี่กล่าวไว้ว่า "กับดักเวลา" ที่ทำให้เบี่ยงเบนไป "บุคคลที่ต่อสู้ในการตัดต้นไม้เพื่อทำรั้ว เมื่อชาวนาแก่ ๆ คนหนึ่งมาเห็น และมองสักครู่ แล้วพูดอย่างเบา ๆ ว่า "เลื่อยไม่ดีใช่ใหม ทำไมคุณจึงไม่ลับคมล่ะ คนทำรั้วบอกว่าเดี๋ยวค่อยทำ ตอนนี้ฉันยังไม่หยุด ฉันต้องการให้ต้นไม้นี้ตัดลงทั้งหมด เป้าหมายควรจะต่อเนื่องเพื่อความสมบูรณ์แบบของเรา บางทีเราไม่มีเวลาหรือหาเวลาไม่ได้
        6. มองโลกในแง่ดี  ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จคือผู้มองโลกในแง่ดีอย่างไม่จำกัดซึ่งดูเหมือนจะไม่หยุดหย่อน  เมื่อเผชิญกับปัญหา เขาจะมองว่าเป็นสิ่งท้าทาย เมื่อเผชิญกับความล้มเหลว เขาจะมองทิศทางใหม่ เมื่อบอกกับเขาว่าคุณทำไม่ได้ เขาจะพูดว่า "อาจจะไม่ใช่เดี๋ยวนี้ แต่ฉันรู้ว่า คุณจะเปลี่ยนใจทีหลังเอง ลักษณะเช่นนี้เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับคนส่วนใหญ่ที่จะปกป้องในสิ่งที่มองโลกในแง่ร้าย มีลักษณะของคนพ่ายแพ้ แต่เป็นความเชื่อในทางบวกที่รักษาพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับความล้มเหลวอย่างมาก บุคคลที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโลกธุรกิจ เด็ก ๆ ธรรมชาติมีความคิดเชิงบวกที่จะเปลี่ยนความคิดเชิงลบ ครอบครัวสามารถทดสอบง่ายในตัวเด็กและถามว่า "เธอจะเป็นอะไรเมื่อเธอโตขึ้น"  เด็ก ๆ ก็จะตอบด้วยความมั่นใจว่าในสิ่งที่เขาต้องการทำ อย่างไรก็ตามถ้าเป็นวัยรุ่นใช้คำถามเหมือนกันเขาจะตอบว่าไม่แน่ใจ (ก็เหมือนกับการเมืองไทยที่ฝ่ายค้านที่มองโลกในแง่ร้ายก็จะมองว่ารัฐบาลทำไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ลงมือทำ และชอบพูดเล็งผลเิลิศทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ทำไม่ได้อย่างทีู่พูด) 
     7. มีความกล้าหาญชาญชัย (courage) อาจารย์ส่วนมากมักสอนผู้ประกอบการให้เป็นคนกล้าเสี่ยง แต่ลักษณะผู้นำอาจพูดว่าหิมะหนาว (หมายถึงไม่น่าเสี่ยง) ซึ่งเป็นสิ่งถูกต้องแต่พลาดไปบางอย่าง อีกวิธีหนึ่งคือพูดถึงสิ่งเดียวกันคือผู้ประกอบการจะต้องมีกึ๋น จำเป็นต้องมีความกล้าหาญในการสร้างบริษัทจากพื้นฐานขึ้นมา  บางคนอธิบายว่าหน้าที่องค์การขนาดใหญ่เหมือน "มดลูก" เป็นการปกป้องลูกน้องจากความโหดร้าย และสิ่งแวดล้อมที่ไม่สามารถแก้ไขได้  จะเป็นความกล้าหาญอย่างมากในการลาออกจากมดลุกบริษัท หรือรัฐบาล และนัดหยุดงานไปที่ที่มีความหนาวเย็น ในโลกธุรกิจที่โหดเหี้ยมเมื่อคนหนึ่งเริ่มธุรกิจ อีกคนหนึ่งก็จะโดดเดี่ยว
        8. ขจัดความสับสนคลุมเคลือ คำนี้หมายถึงขจัดบุคคลที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอน และมีความเี่สี่ยง  ผู้ประกอบการโดยทั่วไปให้คะแนนเรื่องนี้สูง (Entrailo, 2000) ในขณะที่เรามีชีวิต เรามีแนวโน้มที่จะชอบความสะดวกสบาย มีชุดพฤติกรรมเล็ก ๆ ตัวอย่างเช่นเราจะกินอาหารที่มีร้านน่ารักเหมือนกัน,  ไปซื้อของเหมือนกัน, ดูหนังเหมือนกัน ทานอาหารกลางวันเหมือนกัน, ฟังเพลงเหมือนกัน ฯลฯ  บางคนอาจเปลี่ยนงาน, แต่มีน้อยร้ายที่จะเปลี่ยนโรงงาน เป็นเรื่องตลกที่คนส่วนมากสิ้นสุดการเกษียณในโรงงานเดียวกันในงานแรกที่เขาทำ หากมีคนใดที่ขจัดความสับสนคลุมเคลือให้น้อยลง  บุคคลนั้นก็จะจมดิ่งไปอยู่องค์การขนาดใหญ่- หรือทำงานให้กับรัฐบาลในขณะี่สิ่งต่าง ๆมีการเปลี่ยนแปลงน้อยหรือไม่มีเลย  ในทำนองตรงกันข้ามกับสิ่งที่เก่ากว่า องค์การที่สร้างขึ้นมา ผู้ประกอบการเริ่มต้นในสิ่งแวดล้อมที่เกือบทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องใหม่ และหลายสิ่งหลายอยางไม่เคยทำมาก่อนเลย ตัวอย่างเช่น ไม่มีนโยบายใดเกิดขึ้นในการนำการปฏิบัติและเริ่มต้นโดยขาดผู้ที่เคยทำมาก่อนที่ทำหน้าที่เป็นผู้ให้ประสบการณ์
     9. มีแรงจูงใจภายในอย่างแรงกล้า- หรือมีไฟที่ไม่มอดเชื้อ  แรงจุงใจที่ขับเคลื่อนพฤติกรรมของคนเรามาจาก 2 แหล่งด้วยกัน คือแรงจูงใจภายใน และแรงจูงใจภายนอก  ปัจจัยแรงจุงใจภายในได้แก่ความต้องการ (needs), แรงปรารถนา (desires),สิ่งจุูงใจ (motives) และอำนาจแฝง (power)  ปัจจัยแรงจูงใจภายนอกได้แก่รูปแบบของอิทธิพลแรงจูงใจจากสิ่งแวดล้อมเช่นรางวัล และการลงโทษ สำหรับผู้ประกอบการ ปัจจัยแรงจุงใจที่สำคัญมากที่สุดคือแรงจูงใจภายใน ผู้ประกอบการมักปกป้องทั้ง ๆที่ความจริงที่ว่าพนักงานบอกว่าผู้ประกอบการไม่ฉลาด, เพื่อนกล่าวว่าเป็นการเสียเวลา และครอบครัวบอกเขาว่าได้งานใหม่แล้ว  เมื่อแรงขับภายในออกไปแล้ว จะไม่มีโอกาสสำเร็จอีกเลย  สองสามปีต่อมา เราจึงใช้โปรแกรมสอน 160 ชั่วโมงเพื่อสอนนักวิทยาศาสตร์ที่ี่ชาญฉลาด และนักวิศวกรถึงการดึงเอาแผนธุรกิจที่มีคุณภาพสำหรับนักลงทุน  ความคิดก็คือว่าเป็นความรู้ และการสอนงานที่ถูกต้อง ผู้ประกอบการในอนาคตเหล่านี้ควรจะสร้างนักลงทุนรอบตัวและช่วยสร้างให้องค์การเติบโตได้เร็วที่สุด  อย่างไรก็ตามบุคคลเหล่านี้จำนวนมากก็ไ่ม่เคยเปิดโอกาส ทำไมจึงตั้งคำถามนี้เพราะเหตุใด? ไม่ใ่ช่ว่าพวกเขาขาดความรู้ หรือไม่ฉลาด แต่เขาขาดแรงปรารถนาในสิ่งที่เรียกว่า "ไฟภายใน" ของเขา
       ข่าวดีก็คือลักษณะผู้นำเหล่านี้สามารถศึกษากันได้ ตัวอย่างเช่น คนหนึ่งสามารถอบรมจิตใจเพื่อตระหนักถึงโอกาส, การมองโลกในแง่ดีเป็นสภาพจิตใจที่ควบคุมได้ (Seligman, 1988) และแม้แต่ความต้องการความสำเร็จก็สามารถเพิ่มพูนได้ แต่ข่าวร้ายก็คือมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำ เหนือสิ่งอื่นใด ไม่มีใครสร้างบ้านให้เข้มแข็งได้โดยปราศจากพื้นฐานที่ดี และไม่มีใครสามารถประสบความสำเร็จทางธุรกิจโดยไม่ได้มีลักษณะส่วนบุคคลที่แน่นอน  แต่ตราบใดที่มีความหวัง ตราบนั้นก็มีหนทาง




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ระบบการเมืองที่ดีเหมือนปลาในอ่างแก้วที่มองเห็นตัวปลาชัดเจน

ตัวแบบจำลองภารกิจของแอสริช (Ashridge Mission Model)

การปฏิรูปการศึกษาในต่างประเทศ