การใส่ร้ายป้ายสีทางการเมืองสะท้อนถึงการขาดความสามารถในการเป็นที่ยอมรับของประชาชน

ปัญหานักการเมืองที่ใช้วิธีเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่ผู้อื่น มักเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำทางการเมือง เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพระความทะเยอทะยานทางการเมือง และความปรารถนาในอำนาจซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอทางความสามารถของนักการเมืองผู้นั้น เพราะแทนที่จะใช้วิธีการปรับปรุงความสามารถวิสัยทัศน์ แต่กลับไปใช้ทักษะการโจมตีคู่แข่งทางการเมืองแบบรายวัน ทำให้เมื่อมามีอำนาจในการบริหารงานจึงไม่มีทักษะความคิดในการแก้ปัญหาของประเทศชาติ  เพราะวัน ๆ มัวแต่จ้องจับผิดผู้อืน และเกรงกลัวคนที่มีความสามารถสูงกว่า จึงปกปิดซ่อนเร้นโดยการใส่ร้ายผู้อื่นทำให้ประชาชนเกิดความเบื่อหน่าย และชิงชังนักการเมืองที่ปฏิบัติตนเสื่อมเสีย    ดังนั้นนักการเมืองที่ดีไม่ควรนิยมวิธีใส่ร้ายผู้อื่น และหันมาพัฒนาปรับปรุงตนเองให้ทำประโยชน์แก่ประชาชนให้มากขึ้น   หากวันหนึ่ง ๆ นักการเมืองมัวแต่มองความผิดผู้อื่น ก็ไม่สามารถนำเอาเวลาไปพัฒนาบ้านเมือง   และปฏิบัติงานที่ตรงไปตรงมา ไม่เห็นแก่หน้าผู้ใดเพื่อทำให้เกิดการบิดเบือน และปกปิดความผิดให้กับผู้อืน  ซึ่งเป็นนิสัยของนักการเมืองที่ไม่ดี  และนานวันประชาชนรู้ความจริงก็จะเบือนหน้าหนี เพราะผลงานไม่เข้าตาประชาชน ดังคำที่ว่า "ค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน"

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ระบบการเมืองที่ดีเหมือนปลาในอ่างแก้วที่มองเห็นตัวปลาชัดเจน

การปฏิรูปการศึกษาในต่างประเทศ

ตัวแบบจำลองภารกิจของแอสริช (Ashridge Mission Model)