ยินดีกับแนวคิดของภาคเอกชนร่วมมือกันต้านคอรัปชั่น
แนวคิดของการต่อต้านคอรัปชั่นของภาคเอกชนทั้งหมด 21 หน่วยงาน สะท้อนให้เห็นว่าภาคเอกชน หรือนายทุนธุรกิจมีความเบื่อหน่ายต่อการต้องจ่ายใต้โต๊ะจากที่เคยจ่ายเพียง 2-3 % เป็นการจ่ายถึง 30-50% ทำให้ต้นทุนของธุรกิจสูง นำไปสู่การตั้งราคาที่สูงกว่าต้นทุนที่แท้จริง และผู้บริโภคหรือประชาชนต้องซื้อข้าวของที่แพงกว่าความเป็นจริง ทำให้ผู้บริโภคอ่อนแอเพราะมีรายได้น้อย ไม่ค่อยมีเงินสะสม ทำให้รายได้ที่แท้จริงหดลงอันเนื่องจากค่าครองชีพที่สูง ผลักดันให้ภาคเอกชนเกิดความอึดอัด และเกิดแนวคิดไม่สนับสนุนให้มีการคอรัปชั่น โดยการรวมตัวครั้งแรกมีทั้งหมด 21 องค์กรที่ไม่ปรารถนาจะจ่ายเงินใต้โต๊ะ หากเอกชนทุกแห่งร่วมกันสนับสนุน และระดมความคิดกันผลักดัน รวมทั้งความร่วมมือจากองค์กรภาคประชาชนให้ความร่วมมือก็จะเป็นการลดปัญหาคอรัปชั่นได้ เพราะตอนนี้เกือบทุกหน่วยงานของภาคราชการล้วนแต่มีการติดสินบน, จ่ายใต้โต๊ะ, ค่าน้ำร้อนน้ำชา ฯลฯ จนทำให้การบริการภาครัฐขาดความซื่อสัตย์ต่อการบริการประชาชน แต่ปัญหาว่าภาคเอกชนจะให้ความร่วมมือกันมากน้อยเพียงใด เพราะหากมีบริษัทเอกชนยังยินยอมจ่ายก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้มาก ดังนั้นองค์การเอกชนควรมีการรวมตัวอย่างแข็งขัน และไม่สนับสนุนให้เอกชนไปส่งเสริมให้นักการเมือง และข้าราชการคอรัปชั่น เพราะปัจจุบันประเทศไทยถูกจัดอันดับคอรัปชั่นในปี พ.ศ 2554 ได้คะแนน 3.5 จากคะแนนเต็ม 10 ในอันดับที่ 78 หากประเทศไทยลดปัญหาคอรัปชั่น จะทำให้คะแนนสูงขึ้น และในอยู่ในอันดับต่ำลงก็จะช่วยให้เกิดภาพพจนประเทศไทยที่ดีในเรื่องธรรมาภิบาล เพราะการรณรงค์ธรรมาภิบาลเป็นเพียงแต่ชื่อที่สวยหรูเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติยังไม่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และขอแสดงความยินดีกับความตื่นตัวของภาคเอกชนในครั้งนี้ ซึ่งแสดงว่าองค์กรภาคเอกชนมีความรับผิดชอบต่อสังคม (Social corporate responsibility)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น