ผู้นำ,ผู้ปกครองที่เข้าไม่ถึงประชาราษฎรย่อมห่างไกลการยอมรับจากประชาชน
การเป็นผู้นำประเทศ หากเกิดมาอยู่ในท่ามกลางฐานะดี และมีชาติตระกูล แต่หากไม่เคยสัมผัสชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศแล้ว หรือสัมผัสเพียงผิวเผินย่อมไม่ทราบความจริง หรือความทุกข์ร้อนของราษฎรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ เมื่อเกิดมาตระกูลดีก็อยู่ในสังคมที่หรูหรา, จบสถาบันการศึกษาสูงส่ง แต่เราอาจลืมดินหรือประชาชนที่เป็นรากหญ้า เมื่อไม่เข้าถึงจิตใจของรากหญ้าการดูถูกดูแคลนจึงตามมา เพราะตนเองอาจได้ดีจากคนชั้นสูง และคิดว่าตนเองไม่ได้ดีจากประชาชนรากหญ้า แต่หารู้ไม่ว่าการเป็นนักปกครองล้วนแล้วแต่เกิดจากการอุ้มชูของราษฎร การยืนไม่ถึงพื้นที่ของประชาชน ทำให้เราหลงลอย และลืมตัวได้โดยง่าย ยิ่งไม่เคยมีประสบการณ์ในชีวิต หรือเคยทำความสำเร็จอะไรมาเป็นที่ประจักษ์แล้ว ประชาชนก็จะมองว่าไม่สามารถเป็นที่พึ่งพิงได้ แม้ว่าจะพึ่งได้แต่เพียงชั่วครูชั่วยาม มิใช่ลักษณะการพึ่งพิงแบบยั่งยืน การที่เราอยู่สูงเกินไปจนทำให้เรากลายเป็นชนชั้น และมีทัศนะเหยียดหยามคนด้อยกว่า หรือต่ำกว่า ซึ่งทำให้เสรีภาพ, ความเสมอภาค และภราดรภาพขาดหายไป ซึ่งเป็นแก่นแกนของประชาธิปไตยด้วยซ้ำไป ประชาธิปไตยหากยังมีแนวคิดเป็นชนชั้นแล้ว ก็จะเป็นกฎหมายที่มีชนชั้น เกิดการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม การเข้าถึงคนมีอำนาจเป็นไปด้วยความยากลำบาก (power distance) ทำให้ผู้ปกครองไม่สามารถเข้าถึงราษฎร แต่จะเข้าึถึงเฉพาะตอนเลือกตั้งเท่านั้น การจะเป็นผู้นำที่ดีต้องทำให้ราษฎรอยู่ดีกินดีเสียก่อน แต่หากทำราษฎรยากจน ข้าวยากหมากแพง ไม่สามารถพึ่งพิงได้นั้น ประชาชนจะพอใจท่าน, รักท่าน,หรือไม่ อย่าได้ให้ความสำคัญกับอำนาจมากเกินไป แต่ควรสนใจใช้อำนาจอย่างสร้างสรรค์จะเป็นการดีกว่า และจะได้รับการยอมรับจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น