รัฐประหารคือตัวการบ่อนทำลายของบ้านเมือง

           ปัจจุบันประเทศที่มีการรัฐประหาร (Coup de t'at) นั้นแทบจะไม่มีให้เห็นประกฎ เพราะการรัฐประหารนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยอาจเอื้อประโยชน์ให้กับบุคคลบางกลุ่ม,บางพรรคการเมือง,และเป็นช่องทางนำไปสู่การทุจริตคอรัปชั่น เช่นการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่ราคาแพงผิดปกติทำให้ผลประโยชน์ของชาติที่จะนำไปพัฒนาประชาชนในชาติเสียหาย กลับไปได้รับผลประโยชน์เพียงคนบางกลุ่ม รวมทั้งไปอยู่เบื้องหลังพรรคการเมืองที่ไม่ได้รักประชาธิปไตย แต่นิยมเผด็จการทำให้ชาติเสียหาย และต่างประเทศไม่ยอมรับ รวมทั้งภาพพจน์ประเทศเสียหายเป็นอย่างมาก  การรัฐประหารที่แท้จริงประชาชนส่วนมากไม่เห็นด้วย รวมทั้งกลุ่มนักวิชาการ,นักวิชาชีพ,นักธุรกิจ และประชาชนทุกระดับไม่มีใครเห็นด้วย    ดังนั้นผู้ที่ทำหน้าที่เป็นทหารควรศึกษาการเมืองประชาธิปไตยอย่างลึกซึ้ง และสร้างจิตใจประชาธิปไตยเพื่อทำให้ทหารต้องระวังไม่ปฏิบัิติตามผู้นำทหารที่มีจิตใจเผด็จการ หรือไม่ได้รักประชาชน และปรารถนาจะให้มีการปกครองแบบประชาธิปไตย   กระแสกดดันยิ่งเกิดมาก ๆ ทำให้ประชาชนอาจลุกฮือต่อต้านครั้งยิ่งใหญ่ก็เป็นได้   การรัฐประหารของไทยทำลายสถิติความเป็นนักเผด็จการถึง 19 ครั้ง  ซึ่งมิใช่ว่าประชาชนจะเห็นด้วยไปทั้งหมด แต่เป็นเพราะประชาชนไม่รู้เท่าทันการรัฐประหาร     แต่ทำไมทหารในยุคคณะราษฎร์จึงมีนายทหารที่รักประชาธิปไตย และร่วมกันเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศเป็นประชาธิปไตย แต่แล้วกับเดินถอยหลัง และก้าวไม่ทันต่อการพัฒนาประเทศเหมือนกับอนารยะประเทศ  เพราะเรามีบุคคลที่ไม่รักประชาธิปไตยที่ทำให้ชาติเสียหาย และไม่มั่นคงต่อประชาชน ปล่อยให้ประชาชนอดหยาก หิวโหย ทั้ง ๆ ที่ประเทศไทยควรจะเจริญยิ่งกว่าสิงค์โปร์  เพราะรายได้ถัวเฉลี่ยคนสิงคโปร์มีรายได้ต่อหัวประมาณ 1 ล้านกว่าบาท  แต่คนไทยมีรายได้ถัวเฉลี่ยเพียงไม่ถึง 100,000 บาท ซึ่งห่างชั้นกับสิงคโปร์ถึง 10 เท่าตัว  ทั้งที่แผ่นดินสิงคโปร์ไม่มีเกษตรกรรม, หรือมีทรัพยากรธรรมชาติที่ห่างกับประเทศไทยหลายเท่าตัว  แต่ทำไมประเทศถึงล้าหลัง  เพราะเรามีคนไทยบางกลุ่มที่ทำให้ประเทศชาติยากจนใช่หรือไม่

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ระบบการเมืองที่ดีเหมือนปลาในอ่างแก้วที่มองเห็นตัวปลาชัดเจน

ตัวแบบจำลองภารกิจของแอสริช (Ashridge Mission Model)

การปฏิรูปการศึกษาในต่างประเทศ