สภาพจิตใจของนักเผด็จการ ผลงานวัจัยชาวต่างประเทศ

เรียบเรียงจากนักคิดชื่อ เจมส์ ฟอลเลน อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยคาลิฟอร์เนีย ณ.สถาบันการแพทย์เออร์วิน

        เป็นเวลากว่า 18 ปีที่ศาสตราจารย์เจมส์ ฟอลเลน ทำการศึกษาเกี่ยวกับการทำงานของสมอง,จิตวิทยา,และพันธุกรรมคนไข้ทางจิต และได้ทำการสแกนสมองของนักสังเวยมนุษย์ที่เป็นโรคจิตเมื่อสองสามเดือนที่ ผ่านมา เขาได้รับเชิญจากองค์กรสิทธิมนุษยชนที่ไม่มุ่งหวังกำไรเพื่อส่งเสริมการนำเสนอจิตใจแบบเผด็จการ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหยิบยกประเด็นที่ชี้ให้เห็นชัดเจนในการลุกฮือต่อต้านเผด็จการในตะวันออกกลาง และในอัฟริกาเหนือ  ภายหลังจากได้รวบรวมเอาวรรณกรรมของเผด็จการที่เลวร้ายที่สุดในโลกและผสมผสาน กับการวิจัยเกี่ยวกับประสาทวิทยาและคนไข้โรคจิตอื่ีน ๆ  เขาได้แสดงทฤษฎีลงในวารสาร Oslo Freedom Forum ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นการประชุมประจำปีโดยมูลนิธิสิทธิมนุษยชน  ซึ่งจากบทความของเขาจากการบรรยายได้ล้วงลึกเข้าไปในจิตใจของผู้แสดงตนที่หลงผิดและคิดว่าเป็นผู้ทรงอำนาจที่ยิ่งใหญ่ในโลก
        ดังนั้นอะไรคือสิ่งที่เชื่อมโยงนักเผด็จการในประวัติศาสตร์ และภูมิศาสตร์?   มีบุคลิกลักษณะอะไรที่พวกเขาแสดงให้เห็น?   เริ่มต้นเรามาทำการทดสอบคนไข้โรคจิต พวกเขามักเป็นคนมีเสน่ห์ (Charming) มีบารมี (Charismatic) มีความเฉลียวฉลาด (Intelligent)   พวกเขามักกระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความเชื่อมั่น และมีอิสระ, มีพลังเพศที่ล้นเหลือ   นอกจากนี้พวกเขายังมีลักษณะจิตใจเลื่อนลอย,เป็นคนเจ้าโกหกพกลมคำโต,ไร้ความเมตตาปรานี มักเป็นพวกชอบใช้ความรุนแรงป่่าเถื่อน,มีความกระหายอำนาจไม่สิ้นสุด  ลักษณะเช่นนี้จะปรากฎกับคนไข้ที่เป็นโรคจิตแบบนี้เพียงไม่กี่คน
        ในยุคที่ไม่มีการสแกนสมองและรายงานทางพันธุกรรมของนักเผด็จการจะมีความแตกต่างในบุคลิกลักษณะที่ปรากฎอยู่ทั่วไปที่เห็นเด่นชัดอยู่สองประการที่สามารถนำไปใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการศึกษาพฤติกรรมของพวกเขาเหล่านั้น  เขาได้วิเคราะห์บุคคลิกลักษณะของนักเผด็จการในยุคปัจจุบันที่เขาได้นิยามเป็นการทั่วไปของโรคจิตแบบดั้งเดิมเช่น มุมมา อัล-กัดดาฟี เป็นลักษณะพวกจิตคิดหวาดระแวง (paranoid) หรือพวกบูชาคลั่งไคล้ตนเอง (narcissitic), พวกหิวกระหายอำนาจ หรือพวกหยิ่งทะนง (vain)   อเล็กซานเดอร์ ลุกคาเชงโกแห่งบาราลุส ก็เป็นนักเผด็จการที่อันตรายมากที่สุดในโลก   เขากระตือรือร้นที่จะโจมตีศัตรูของเขาด้วยสัญญาลักขณ์ที่ชัดเจนของโรคจิตร้ายแรง ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างความพึงพอใจ  ในขณะนั้นประธานาธิบดีฮิวโก ชาเวส แห่งเวเนซุเอล่านักต่อสู้เพื่ออิสรภาพกลับกลายเป็นนักเผด็จการ  ที่เป็นจุดกึ่ีงกลางระหว่างสเกลของคนปรกติกับสเกลของคนที่เป็นโรคจิตถึงแม้ว่าไม่ใช่นักเผด็จการ  เขา (ผู้เขียน) ต้องการสแกนสมอง และทดสอบดีเอ็นเอ ของโอสมา บี.ลาเด็น  เขาได้แสดงรุูปแบบบุคลิกลักษณะต่าง ๆของนักเผด็จการที่เป็นโรคจิตในแนวคิดแบบเก่า เช่นมีลักษณะแสดงเป็นคนใหญ่คนโต,เป็นคนมีเสน่ห์,มีความคิดล้างแค้น,ฟุ้งเฟ้อเย่อหยิ่ง,ชอบใช้ความรุนแรง ด้วยความคิดที่ฝังอยู่ในตนเองอย่างยาวนานจึงพลาดโอกาสอย่างมหาศาลในการศึกษาถึงการทำงานของจิตใจที่มีความชั่วร้ายแฝงอยู่
       บางครั้งมีการคาคคะเนว่านักเผด็จการไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับลักษณะปกติต่อคนอื่น ในระหว่างบุคคลต่อบุคคล ในวิถีทางแบบเห็นอกเห็นใจ  พวกเขาอาจเกี่ยวข้องสมาคมกับคนอื่นในฐานะส่วนรวมหรือบุคคลในการรับรู้วิถีโลกแบบนามธรรม หรือชุมชนบุพพกาล (เหมือนฮิตเล่อร์ที่สร้างลัทธิคลั่งไคล้ชาวเยอรมัน)  หรือสตาลินที่คลั่งไคล้ผู้ตั้งถิ่นฐานชาวสลาฟ หรือแม้กระทั่งตัวแปรที่หลุดโลกซึ่งพวกเขาจะทำลายดุลยพินิจของตนเอง  อะไรที่ทำให้บุคคลเป็นโรคจิตคิดระแวง?
       สิ่งที่อยู่เบื้องหลังสายตา และสิ่งที่อยู่ลึกในเยื่อหุ้มสมองในหยักสมองที่เกี่ยวกับด้านโลกียวิสัย
และเป็นแฉกสมองส่วนหน้า และต่อมทอนซิลขยายตัวซึ่งเป็นปมสมองในเซอร์กิตสมองที่อยู่ระหว่างกลางสัญชาตญาณสัตว์ และมีเพียงสองเปอร์เซ็นต์ของคนไข้ที่มีปัญหาทางจิตในประชากรโลก และมีคนไข้โรคจิตน้อยร้ายที่จะเป็นนักเผด็จการ
          ต่อมทอนซิลเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของเซอร์กิตสมองที่สั่งให้มีความเกรงกลัว, ความบันดาลโทสะ และความปรารถนาทางเพศ, ความจดจำทางอารมณ์ในสิ่งต่างที่ผ่านเข้ามา  ในส่วนศูนย์กลางของสมองมักเชื่อมโยงกับความอยู่รอดแบบโบราณ และศูนย์กลางสมองที่ต้องการลิ้มรสอาหารในส่วนที่เป็นกระบังสมอง,เหนือก้านสมองและเยื่อสมอง ความผิดปกติทางสมองในบุคคลบางคนที่มีปัญหาทางด้านอารมณ์  สิ่งนี้ัพัฒนาเกิดขึ้นในระหว่างการเป็นศัตรูและได้รับผลกระทบจากพันธุกรรม ทั้งสองอย่างคือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเซโรโตนินและสารสื่อประสาทมาโนเอมีน  และสิ่งแวดล้อมเช่นความเครียดเกี่ยวกับมารดา,สารเสพติด,ความเครียดจากการ เจ็บป่วย)   ทั้งด้านเยื่อสมองส่วนหน้าและต่อมทอลซินเชื่อมติดต่อกัน และโรคสมองส่วนที่กระตุ้นต่อต้านการควบคุมพฤติกรรมเพียงชั่วขณะใดขณะหนึ่ง  ทั้งทางด้านจริยธรรมที่มีทิศทางจากกลไกควบคุมแรงกระตุ้นของเยื่อสมองในส่วน ที่อยู่ด้านล่าง
หรือยิ่งมีสัญชาตญาณของสัตว์มากเท่าใด ก็ยิ่งอยากเอาชนะสงครามมากขึ้น  ในบางคนต่อมทอลซิล
พัฒนามาได้ไม่ดีทำให้สร้างบุคลิกแบบชอบพึ่งพาอาศัยคนอื่นอย่างสุดขั้ว
         ดังนั้นสิ่งที่ทำให้เกิดความพึงพอใจในคนปรกติคือการอ่านหนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง หรือการชมพระอาทิตย์ตกดินไม่ใช่สิ่งที่ทำให้สมองไม่ได้มีการพัฒนา  สำหรับหลายคนสิ่งนี้หมายถึงแนวโน้มที่ยิ่งใหญ่ต่อการติดยาเสพย์ติดและแอลกอฮอร์และได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานเมื่อมีการลดละสิ่งเหล่านี้อยู่ตลอดเวลาและนำไปสู่พฤติกรรมที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง  สำหรับโรคชอบใช้ความรุนแรงกลับเป็นสิ่งเสพย์ติดในการป่วยทางจิตและการสังหารชีวิตคน  นักเผด็จการให้ความสำคัญกับอำนาจสูง มีแรงขับที่ต้องการความร่ำรวยที่ทำให้ต้องทำสิ่งเลวร้ายอย่างก้าวหน้า หรือเป็นสิ่งที่เสพย์ติดเป็นนิสัย
         การตอบสนองของสมมติฐานบนพื้นฐานของพฤติกรรมคนเป็นโรคจิต ผู้เขียนบทความนี้ได้พิจารณาความแตกต่างในสมองของนักสังหารมนุษย์ที่มีปัญหาทางจิต ตลอดเวลา 15 ปีที่ผ่านมา
ได้ทำการทดสอบสมองทั้งทางด้านการกระทำหน้าที่ของสมอง และโครงสร้างสมองของอาชญากรเมื่อเปรียบเทียบกับคนปรกติเช่นเดียวกับผู้ป่วยทางจิตเวช, ได้รับแรงกดดัน,ผู้ที่มีจิตใจเสพย์ติด และผู้ได้รับเชื้อในเนื้อเยื่อสมอง  แม้แต่การวิเคราะห์ที่มืดบอดของจำนวนการสแกนแต่ละครั้งจำนวนมาก  จึงเป็นที่ประจักษ์ว่าฆาตกรที่เป็นโรคจิตมีรูปแบบทั่วไปของการสูญเสียหน้าที่การทำงานของสมองของปมสมองด้านหน้า  ปมสมองชั่วคราวเชื่อมโยงกับต่อมทอลซิล
         อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยอื่นที่อาจจำเป็นต้องนำเสนอการแพร่ขยายของนักฆ่าเลือดเย็น  คือยีนส์ของนักรบ ได้แก่ประธานเหมาซึ่งมียีนส์มากกว่า 12 ตัวที่เชื่อมต่อกับพฤติกรรมก้าวร้าว  และเล่นบทบาทในการส่งเสริมเป็นผู้สังหาร แม้ว่ามันยังคงมีการพิสูจน์ถึงความเบี่ยงเบนของยีนส์เป็นสาเหตุที่ีแท้จริงของพฤติกรรมแต่ละพฤติกรรม   ความก้าวร้าวเหล่านี้เชื่อมโยงกับยีนส์ที่เรียกว่า MAO-A ซึ่งถ่ายโอนจากแม่สู่ลูกโดยผ่านโครโมโซมเอ็กซ์  แต่มีอยู่ในผู้ชายเนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่าเพศชายมีเพียงโครโมโซมเอ็กซ์เท่านั้น  ดังนั้นหากมีสิ่งซ่อนเร้นของยีนส์นักรบ มันก็จะแสดงผลออกมา  ผู้หญิ่งมีโครโมโซมเอ็กซ์สองโครโมโซม  แต่โครโมโซมหนึ่งไม่แสดงผลใด ๆ ที่ทำให้ผู้หญิงไม่มียีนส์ทื่ชอบการรบ   ความเบี่ยงเบนของยีนส์ดังเช่นตัวส่งเสริมสำหรับการเป็นผู้นำพาหนะเซโรโตนิน   ในขณะที่ยีนส์ส่งผลถึงสุขภาพอันเป็นผลระยะยาวที่มีอันตรายมีผลกระทบในช่วงเริ่มแรก  และยังมีความรักต่อประสบการณ์ในตอนเริ่มแรกในเชิงบวกซึ่งสามารถดึงเอาปัจจัยที่ส่งผลทางชีววิทยาในเชิงลบ  นอกจากนี้ผู้ชายมักจะมีสิ่งที่ส่งผลปัญหาเชิงสุขภาพจากความเบี่ยงเบนของยีนส์สำหรับฮอร์โมนทำให้เป็นคนที่เป็นเพื่อนไม่ดีกับคนอื่น หรือมีความเชื่อมสัมพันธ์กับคนอื่นไม่ดี  บางครั้งเป็นการแสดงพฤติกรรมแบบกลุ่มพวก   ผู้ชายส่วนใหญ่จะได้รับผลกระทบจากความเบี่ยงเบนของพันธุกรรมของสิ่งสนองทางเพศในแบบแอนโดรเจน ซึ่งเป็นตัวเบี่ยงเบนอย่างหนึ่ง หรือรูปแบบของยีนส์เบี่ยงเบนทำให้ชอบการเผชิญหน้ากับสิ่งอ้นตราย  และการต่อสู้กับความเห็นแก่ตัว จึงมิใช่สถานการณ์เดียวที่นักเผด็จการที่เป็นผู้ชาย
          สรุป นักเผด็จการในโลกใบนี้ตั้งแต่ประวัติศาสตร์มีมามากหน้าหลายตา มีทั้งเผด็จการแบบชั่วร้ายที่มีจิตใจอำมหิต สังหารผู้คนอย่างไร้ความปรานี และเผด็จการแบบปานกลางจะมีลักษณะยับยั้งชั่งใจต่อการสังหารมนุษย์ด้วยกัน  และเผด็จการที่เกิดขึ้นนั้นมักจะมาจากปัญหาแรงบีบเค้นในลักษณะต่าง ๆ จากความเชื่อ,ค่านิยม, วัฒนธรรมของสังคม  รวมทั้งความผิดปกติในสมองของมนุษย์ และรวมทั้งยีนส์ก็เป็นตัวถ่ายทอดพฤติกรรมด้วย


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ระบบการเมืองที่ดีเหมือนปลาในอ่างแก้วที่มองเห็นตัวปลาชัดเจน

ตัวแบบจำลองภารกิจของแอสริช (Ashridge Mission Model)

การปฏิรูปการศึกษาในต่างประเทศ