ภาวะผู้นำในยุคประชาธิปไตยแบบเปิดกว้าง
ตั้งแต่ระบบประชาธิปไตยแบบธรรมาภิบาลได้รับการคิคค้นสร้างสรรค์มาหลายศตวรรษแล้ว การปรับเปลี่ยนหรือลักษณะการออกแบบงานใหม่ในปัจจุบันซึ่งเป็นประสบการณ์ของชาติอย่างมากที่เป็นสิ่งสังเกตได้ จากอเมริกาไปสู่อัฟริกา เทคโนโลยี่คือการปรับโครงสร้างถึงวิธีการที่พลเมืองเกี่ยวข้องกับผู้นำ ด้วยข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่อย่างพร้อมมูล พลเมืองได้มีการแจ้งข่าวสารและความกระตือรือร้นในกิจการของชาติมากขึ้น
ภาวะผู้นำมีวิธีการทบทวนสองแนวทางที่ง่ายมากที่สุด นั่นคือไม่แพง,มีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามเวลา และสิ่งที่่ปรากฎโดยผ่านอำนาจแฝงของเครือข่ายสื่อสังคมซึีงสามารถมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างพลเมืองและผู้นำที่ได้รับความสนใจ จากประธานาธิบดีอเมริกันไปสู่การเกี่ยวข้องกับไนจีเรีย เฟสบุ๊คได้จัดชานชลาสำหรับการสนทนา พลเมืองสามารถเข้าสู่ออนไลน์และสามารถโพสต์คำถามงาย ๆ และคาดหวังผู้นำในการจดบันทึก
แนวโน้มเอียงที่เกิดขึ้นมานี้เป็นไปได้เพราะว่าระบบการสื่่อสารมีราคาถูกกว่าและสามารถเข้าถึงได้ ในเครื่อข่ายรูปแบบทีวีแบบเก่า เพียงแต่บุคคลที่ทรงอิทธิพลอย่างมากจึงจะได้ออกอากาศทีวีเพื่อขอคำแนะนำถึงวิธีการที่ประเทศสามารถจัดการได้ แต่ทุกวันนี้สิ่งที่สำคัญคือการมีความคิดใดความคิดหนึ่งเกี่ยวกับรัฐบาลที่สามารถทำได้ดีกว่าเดิม ดังนั้นการเยี่ยมชมเวบไซต์เป็นสิ่งจำเป็นและมีัการโพสต์แสดงความคิดเห็น มันมีการเปลี่ยนแปลงว่าหากเขาละเลยมัน อีกเวบไซด์หนึ่งจะเกิดขึ้นมาแทนจนกระทั่งเขาสังเกตุเห็น
ไม่เพียงแต่ภาวะผู้นำทางการเมืองที่ใช่พลังพลเมือง ธุรกิจมีการแสวงหาและแลกเปลี่ยนความคิดกันมากขึ้นจากผู้บริโภคสินค้า เขาเข้าไปทอดสายตาว่าลูกค้าจะช่วยเขากำหนดรูปแบบผลิตภัณฑ์ในอนาคต และผู้บริโภคก็ยังคงผ่านเขามาโดยใช้ความรู้สึกว่าเมื่อลูกค้าไม่ได้มีสิทธิเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ในกรณีเช่นนี้ก็จะทำให้การมองผิดพลาดในตัวผู้นำทางการเมืองที่ไม่ได้ใส่ใจในมุมมองของประชาชนเอง
ไม่เคยปรากฎมาก่อนที่พลเมืองมีอิทธิพลมากกว่าสิ่งที่เขามีอยู่ในทุกวันนี้ และอนาคตจะมองเห็นว่าเป็นเรื่องตื่นเต้นมากขึ้นเพราะว่าตามกฎของมัวร์จะเป็นเครื่องรับประกันของเราในการเข้าถึงเครือข่ายของคนที่มากขึ้นเช่นราคาเทคโนโลยี่มีราคาลดลงเรื่อย ๆ แต่มีประสิทธิภาพและการทำงานดีขึ้น
ในท่ามกลางของการปรับปรุงเป็นสิ่งท้าทายสำหรับรัฐบาลก็คือเรื่องจริยธรรม พลเมืองทุก ๆคนเปรียบเสมือนนักข่าวสมัครเล่นและคอยดูแลอาณาจักรของสื่ออย่างเพื่อหยุดยั้งการกระทำที่ีไม่ดีในการที่สื่อเผยแพร่ไปทั่วโลก
จึงเป็นสิ่งคุ้นเคย ในการดูแลเครือข่ายที่ใหญ่โต และเรื่องอื้อฉาวจะไม่เคยเกิดขึ้น จะไม่มีข่าวที่ไม่ดีใด ๆ อีกต่อไปเพราะว่าถนนทุกสายคอยทำหน้าที่กลั่นกรองข่าวสารโดยปราศจากใครเป็นเจ้าของสื่อสาร และเครื่อข่ายเหล่านั้นสามารถเคลื่อนไหวได้เร็วในการสร้างผลความเสียหายแม้แต่การเพิกถอนไม่ได้มีเหตุผลประการใดทั้งนี้เพราะว่าร่องรอยของดิจิตอลมักจะปรากฎอยู่เสมอ
สิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องมีในจิตใจคือว่าในยุคประชาธิปไตยสมัยใหม่ มันจะมีลักษณะเปิดมากขึ้น แะการเปิดกว้างนี้นำมาสู่สิ่งท้าทายในการกระทำที่มีจริยธรรมตลอดเวลา จึงไม่มีฤดูกาลของเรื่องที่เกี่ยวข้องเพราะว่าบางสิ่งบางอย่างปรากฎขึ้นในเวบ ในทางเทคนิคแล้ว จึงไม่มีความลับอะไร?
รัฐบาลจะต้องเข้าใจที่ว่าความสัมพันธ์แบบสามขาหยั่งระหว่างรัฐบาล,พลเมือง และหน่วยงานต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปตลอดปี โลกาภิวัฒน์ทำในสิ่งที่เป็นไปได้ในการมีเข้าถึงข้อมูลข่าวสารเพื่อเทียบเคียงองค์ประกอบอื่น ๆที่กำลังทำอยู่ และทำได้ทันทีทันใด การเปลี่ยนแปลงบริษัท และประชาชนในความคาดหวังจากรัฐบาล ในทางเลือกของหลายศตวรรษ รัฐบาลได้เปลี่ยนแปลงจากส่วนกลาง,ภูมิภาค,และส่วนกลาง และปัจจุบันนี้ไปถึงรัฐบาลโดยพลเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องประชาธิปไตย พลเมืองที่ใส่ใจในตนเองไม่ยอมรับกับดักนโยบาย, ตามกรอบนโยบายตายตัวและทำให้ชีวิตเขาตกต่ำลง แม้แต่ระบอบศักดินาพลเมืองกำลังตั้งคำถามและการครอบงำแบบเก่า ๆ ได้ถูกท้าทายให้มีการตรวจสอบโปร่งใส ในอเมริกาพลเมืองสามารถจัดองค์กรภายใต้ร่มเงาเหมือนสภากาแฟ ในไนจีเรียพลเมืองจะมีความเข้าใจว่าพอคือพอ (Enough is Enough) ทั้งที่ชื่อที่แตกต่าง องค์การเหล่านี้และส่วนมากสามารถพบได้ในประชาธิปไตยที่กำลังผลักดันผู้นำให้มีการเปิดเผยมากขึ้น และตอบสนองมากขึ้น และพวกเขาคิดอย่างให้เกียรติวาการชี้นำอนาคตและเส้นทางเดินของประชาชาติจะต้องแยกออกจากนักการเมืองได้อย่างโดดเดี่ยว พวกเขาต้องการมีอิทธิพลต่อการสนทนาและมีเส้นทางของวิถีประชาชาติ พวกเขาตั้งคำถามในขอบเขตเกี่ยวกับเรื่องประเทศชาติและเขาต้องการการเปลี่ยนแปลง
เป็นเวลาสี่สิบกว่านี้ที่ผ่านมา พวกเขาอาจได้รับข้อมูลข่าวสารที่ไม่ดี ไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป พวกเขามีการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่คุ้นเคยจากการเห็นแต่เจ้าหน้าที่รัฐเช่นเทคโนโลยีที่ทำให้เผยแพร่ข่าวสารได้ง่ายขึ้น จากความคิดแบบกล่องสี่เหลี่ยมในมหาวิทาลัยไปสู่องค์การภาครัฐบาลสามารถอ่านวิเคราะห์ในออนไลน์ได้ฟรี แม้แต่งานเขียนของรัฐบาลเองก็สามารถทำให้ความลับผู้นำที่เพลิดเพลินกับสิ่งต่าง ๆที่ได้กำหนดนโยบายกำลังถูกบั่นทอน ประชาชนสามารถท้าท้ายต่อรัฐบาลด้วยข้อมูลและมีอำนาจในการแสดงความคิดเห็นในทิศทางใหม่ ๆ ได้
ภาวะผู้นำในยุคใหม่ตอบสนองโอกาสที่จะเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ที่สามารถเกิดขึ้นได้ชั่วข้ามคืนในข่าวที่แสดงผลงานโดยผ่านข้ามพรมแดน เป็นข้อเสนอโอกาสที่จะมีจริยธรรมและความซื่อสัตย์ในการเกี่ยวข้องกับพลเมือง สิ่งหนึ่งที่เข้าใจในการเผชิญหน้ากับผู้นำได้ยากเย็นในความพยายามที่จะเป็นวิศวกรประชาชาติปรากฎขึ้นในระยะยาวมากมายเมื่องพลเมืองส่วนมากสนใจในช่วงระยะสั้น ๆ คุณสามารถสื่่อสารความต้องการเพื่อความเจ็บปวดรวดร้าวของคนกลุ่มน้อยเพื่อความสนุกสนานที่สำคัญในวันพรุ่งนี้ขึ้นอยู่กับความนาเชื่อถือที่คุณเป็น พลเมืองจะเชื่อถือผู้นำที่ซื่อสัตย์และสามารถสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้แก่ชาติบ้านเมืองได้
ในขณะที่โอกาสเช่นนี้ยังมีการข่มขู่คุกคามด้วย เป็นการง่ายที่จะเห็นนักการเมืองลาออกเร็วขึ้นภายหลังจากมีเรื่องอื้อฉาว ข่าวร้ายเข้ามาในวิถีทางเหมือนกันกับข่าวดีที่เข้ามา ในสังคมประชาธิปไตยแบบเปิดกว้าง ภาวะผู้นำที่แท้จริงแล้วคืออะไร? เราสามารถให้ข้อคิดว่าจีนมีนวัตกรรมที่สั้นกว่าตะวันตกถึง 25 ปีภายใต้การไม่ยอมรับของนานาชาติในบรรทัดฐานประชาธิปไตยไม่ได้แสดงภาวะผู้นำที่เราได้อิจฉาหรือ? ไม่มีประชาธิปไตยแบบเปิดกว้าง แต่ในโลกนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัฟริกากำลังมองจีน พวกเขาอิจฉากับระบบทุนนิยมโดยรัฐ (state capitalism) ในขณะที่ผู้นำสร้างสถาบันสาธารณะในระดับโลกที่วอลสตรีทยอมรับอย่างดุษฎีแม้แต่จะมีจักรวรรดิ์ที่ดำเนินการโดยรัฐบาลที่เทียม ๆ ในประเทศจีนที่มีนักลงทุนที่ดีที่สุดยินดีที่จะเข้ามาลงทุนเพื่อความสำเร็จทางธุรกิจ
ในความเป็นจริงภายใต้รัฐบาลประชาคม, ความสั่นสะเทือนทางเศรษฐกิจไม่ได้เป็นผลต่อ
ธรรมาภิบาลอย่างเดียว ประชาชนยังต้องการเสรีภาพโดยธรรมชาติ อย่างไรก็ตามภาวะผู้นำและคนดีเพียงอย่างเดียวโดยไม่สนใจปัจจัยภายนอกหรือต่างประเทศไม่สามารถพบได้ในประชาธิปไตย อย่างไรก็ตามสำหรับประชาชน การปฏิเสธพวกเขาในสิทธิในการบรรลุถึงภาวะผู้นำ หากพวกเขาเลือก แสดงว่าผู้นำไม่ใช่คนดี มันก็จะเกี่ยวกับการได้สิทธิในการแสดงความปรารถนาภายใต้กฎหมาย และทุก ๆคนจะไม่เคารพเกี่ยวกับว่าคุณจะเกิดมาจากใหนแต่สามารถเติมเต็มความฝัน ภายใต้สมมติฐานนี้ ผู้นำอัฟริกันส่วนมากต่อต้านการเลือกตั้งที่ถูกออกแบบว่าเป็นผู้นำที่ไม่ดีโดยการไม่เคารพเชือถือจากตะวันตกในพื้นที่ประเทศอื่น ๆ โดยหลักการแล้ว ชาวตะวันตกคิดว่าผู้นำทางการเมืองควรเป็นคนเปิดเผยสง่างาม และเปิดกว้าง
โดยสรุป ผู้เขียนให้ทัศนะว่าความฝันของโลกใบนี้ที่จะมีธรรมาภิบาลเปิดกว้าง และมีการแลกเปลี่ยนไม่เพียงแต่ความยิ่งใหญ่ทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของสิทธิส่วนบุคคล จะต้องเป็นสิ่งหนึ่งที่พลังพลเมืองเป็นส่วนผลักดันเพื่อผลประโยชน์ของชาติ และการตรวจสอบผู้นำไม่เพียงแต่เป็นพลเมืองแต่เป็นเรื่องของทุกคนในชาติ และผู้นำเหล่านั้นต้องนำพาโอกาสที่จะนำเอาเทคโนโลยีนำมาเปิดเผยเพื่อมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาเอกลักษณ์ของบุคคลในชาติ
สำหรับผู้แปลและเรียบเรียงมีความเห็นว่าเรื่องราวผู้เขียนบทความฉบับนี้ คนไทยควรตื่นตัวและเข้าใจต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงประชาธิปไตยในการเปิดหูเปิดตารับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับต่างประเทศ เพื่อรู้เท่าทัน และไม่เป็นคนหลงยุคหรือหลงกระแสต่อความเป็นจริงที่สังคมไทยที่ชนชั้นรากหญ้าเขาต้องการสิทธิที่ทัดเทียมเหมือนกับคนชั้นอื่น ๆที่มีจนมากเกินไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น