3 สิ่งที่อยากให้ประเทศไทยเดินหน้า
สิ่งสามประการที่ปรารถนาให้ประเทศเดินหน้าไม่เดินถอยหลัง เพื่อแสดงว่าเรามีความปรารถนาดีต่อประเทศไทยนั้น
ในด้านทัศนคติทั่ว ๆ ไป
1. ถือว่าความคิดเห็นของคนเราไม่เหมือนกัน ต้องเคารพความคิดเห็นของคนที่แตกต่างจากเรา
2. ถือว่าสิ่งทีทุกคนช่วยกันคิดเป็นสิ่งที่ต้องการให้สิ่งนั้นดี อย่ามองแบบแง่ลบควรมองในแง่บวกและมองว่าเราเป็นคนไทยเหมือนกัน ทุกคนต้องการความก้าวหน้าและผาสุขเช่นกัน
3. อย่าตัดสินใจโดยยึดถือกลุ่มของตนเองเป็นสำคัญ แต่ยึดถือความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่
4. อย่าเกะกะ, ก่อกวน,กอบโกย และโกงกิน เพราะจะทำให้เสื่อมความนิยมได้
5. ยอมรับผิดในสิ่งที่ผิดพลาดบกพร่อง และให้อภัยกันโดยไม่ถือโทษโกรธเคืองกัน การวิวาทะเพราะผลประโยชน์ขัดกันแสดงถึงประเทศไม่พัฒนา
ในด้านรัฐบาล
1. ยึดมั่นคำสัญญาที่มีต่อประชาชน กับนโยบายต่าง ๆ ที่ทำ
2. ตีเหล็กเมื่อยังร้อน หากไปตีเหล็กที่แข็งแล้ว จะตีลำบาก
3. เป็นผู้ประสานสิบทิศ เข้าได้ทุกฝ่ายไม่มีเงื่อนไข เพราะหน้าที่รัฐบาลต้องดูแลทุกคน
4. ยึดมั่นในระบบคุณธรรม และอ่อนน้อมสุภาพในทุกสถานการณ์ก็จะช่วยคลี่คลายได้ เช่นเขาร้อนมา และเราเย็นไป ใช้ปัญญาแก้ไขโดยใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว
5. อดทนต่อสถานการณ์ที่ยั่วยุอารมณ์ทุกรูปแบบ ถือว่าเป็นการทดสอบสมาธิของเราว่า
เรามีความเข้มแข็งเพียงใด
สรุป รัฐบาลได้ดำเนินการไปหลายอย่างแล้วตามคำมั่นสัญญา แต่อาจมีวาระเงื่อนไขไม่แน่นอน เพราะสภาวการณ์ราคาไม่นิ่ง แปรเปลี่ยนไปได้ตามโอกาสจังหวะเวลา
ในด้านฝ่ายค้าน
1. ไม่ควรนำความผิดพลาดเล็ก ๆน้อยมาเป็นประเด็นแบบรายวัน ปล่อยให้รัฐบาลบริหารไปครบวาระ หากไม่ดีจริง ประชาชนจะเปลี่ยนแปลงเอง และความนิยมอาจเป็นของฝ่ายค้าน
2. การที่เรามีเสียงส่วนน้อยควรยอมรับเสียงส่วนใหญ่ เพราะนั่นคือวิธีการประชาธิปไตย ไม่ควรนำตัวช่วยใด ๆ มาถล่มหรือทำลายการเมืองไทยให้เสียหาย เพราะหากเราทำลายแล้ว ผลสุดท้ายประชาชนต้องรับกรรม และผลต่อมาคือเป็นกรรมของฝ่ายค้านที่ทำลายประเทศให้เสียหายได้
3. ควรต่อสู้ด้วยการใช้ปัญญา อย่าใช้อาวุธมาข่มขู่หรืออำนาจพิเศษใด เพราะมวลชนเป็นตัวตัดสิน หากเราหลงคิดว่าการใช้กำลังเป็นตัวขับเคลื่อน เราจะพบว่าหลายประเทศผู้นำผู้ปกครองพ่ายแพ้หมด ไ่ม่สามารถยืนยงคงกระพันได้
4. รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ไม่ใช่แพ้แล้วแต่ก็เป็นลักษณะท้าตีท้าต่อย นั่นไม่ใช่วิสัยของนักกีฬา
หรือนักการเมืองที่มีสปิริต, มีน้ำใจ หากเราดีแล้วสักวันหนึ่งเราก็จะเป็นตัวเลือกเอง
5. อย่าติดยึดกับอำนาจ,วาสนา,เกียรติยศ เพราะไม่มีใครในโลกนี้จะได้อยู่ตลอดเวลา ไม่ลุ่มหลงกับคำป้อยอสรรเสริญทำให้เราทุกข์เวลาเราขาดสิ่งนี้
สรุป ไม่ควรวังวนอยู่กับวงจรที่ทำให้ประเทศเสื่อมเสีย ควรปรองดองสามัคคีมีน้ำใจ ไม่ควรกลัวความผิดหากเราไม่ผิดจริง เพราะอย่างไรสวรรค์ยังมีตาอยู่เสมอ
ในด้านทัศนคติทั่ว ๆ ไป
1. ถือว่าความคิดเห็นของคนเราไม่เหมือนกัน ต้องเคารพความคิดเห็นของคนที่แตกต่างจากเรา
2. ถือว่าสิ่งทีทุกคนช่วยกันคิดเป็นสิ่งที่ต้องการให้สิ่งนั้นดี อย่ามองแบบแง่ลบควรมองในแง่บวกและมองว่าเราเป็นคนไทยเหมือนกัน ทุกคนต้องการความก้าวหน้าและผาสุขเช่นกัน
3. อย่าตัดสินใจโดยยึดถือกลุ่มของตนเองเป็นสำคัญ แต่ยึดถือความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่
4. อย่าเกะกะ, ก่อกวน,กอบโกย และโกงกิน เพราะจะทำให้เสื่อมความนิยมได้
5. ยอมรับผิดในสิ่งที่ผิดพลาดบกพร่อง และให้อภัยกันโดยไม่ถือโทษโกรธเคืองกัน การวิวาทะเพราะผลประโยชน์ขัดกันแสดงถึงประเทศไม่พัฒนา
ในด้านรัฐบาล
1. ยึดมั่นคำสัญญาที่มีต่อประชาชน กับนโยบายต่าง ๆ ที่ทำ
2. ตีเหล็กเมื่อยังร้อน หากไปตีเหล็กที่แข็งแล้ว จะตีลำบาก
3. เป็นผู้ประสานสิบทิศ เข้าได้ทุกฝ่ายไม่มีเงื่อนไข เพราะหน้าที่รัฐบาลต้องดูแลทุกคน
4. ยึดมั่นในระบบคุณธรรม และอ่อนน้อมสุภาพในทุกสถานการณ์ก็จะช่วยคลี่คลายได้ เช่นเขาร้อนมา และเราเย็นไป ใช้ปัญญาแก้ไขโดยใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว
5. อดทนต่อสถานการณ์ที่ยั่วยุอารมณ์ทุกรูปแบบ ถือว่าเป็นการทดสอบสมาธิของเราว่า
เรามีความเข้มแข็งเพียงใด
สรุป รัฐบาลได้ดำเนินการไปหลายอย่างแล้วตามคำมั่นสัญญา แต่อาจมีวาระเงื่อนไขไม่แน่นอน เพราะสภาวการณ์ราคาไม่นิ่ง แปรเปลี่ยนไปได้ตามโอกาสจังหวะเวลา
ในด้านฝ่ายค้าน
1. ไม่ควรนำความผิดพลาดเล็ก ๆน้อยมาเป็นประเด็นแบบรายวัน ปล่อยให้รัฐบาลบริหารไปครบวาระ หากไม่ดีจริง ประชาชนจะเปลี่ยนแปลงเอง และความนิยมอาจเป็นของฝ่ายค้าน
2. การที่เรามีเสียงส่วนน้อยควรยอมรับเสียงส่วนใหญ่ เพราะนั่นคือวิธีการประชาธิปไตย ไม่ควรนำตัวช่วยใด ๆ มาถล่มหรือทำลายการเมืองไทยให้เสียหาย เพราะหากเราทำลายแล้ว ผลสุดท้ายประชาชนต้องรับกรรม และผลต่อมาคือเป็นกรรมของฝ่ายค้านที่ทำลายประเทศให้เสียหายได้
3. ควรต่อสู้ด้วยการใช้ปัญญา อย่าใช้อาวุธมาข่มขู่หรืออำนาจพิเศษใด เพราะมวลชนเป็นตัวตัดสิน หากเราหลงคิดว่าการใช้กำลังเป็นตัวขับเคลื่อน เราจะพบว่าหลายประเทศผู้นำผู้ปกครองพ่ายแพ้หมด ไ่ม่สามารถยืนยงคงกระพันได้
4. รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ไม่ใช่แพ้แล้วแต่ก็เป็นลักษณะท้าตีท้าต่อย นั่นไม่ใช่วิสัยของนักกีฬา
หรือนักการเมืองที่มีสปิริต, มีน้ำใจ หากเราดีแล้วสักวันหนึ่งเราก็จะเป็นตัวเลือกเอง
5. อย่าติดยึดกับอำนาจ,วาสนา,เกียรติยศ เพราะไม่มีใครในโลกนี้จะได้อยู่ตลอดเวลา ไม่ลุ่มหลงกับคำป้อยอสรรเสริญทำให้เราทุกข์เวลาเราขาดสิ่งนี้
สรุป ไม่ควรวังวนอยู่กับวงจรที่ทำให้ประเทศเสื่อมเสีย ควรปรองดองสามัคคีมีน้ำใจ ไม่ควรกลัวความผิดหากเราไม่ผิดจริง เพราะอย่างไรสวรรค์ยังมีตาอยู่เสมอ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น