บทเรียนที่ต้องทบทวนการเลือกตั้งในจังหวัดปทุมธานีที่ผ่านมา

            จากการที่ผลการเลือกตั้งในจังหวัดปทุมธานีในตำแหน่ง นายกเทศมนตรี,สส. และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ทำให้พรรคเพื่อไทยที่เป็นตัวเก็งในการเลือกตั้งกลับพลิกความคาดหมายปรากฎว่าเป็นบุคลากรทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทยคว้าเก้าอี้ไปได้อย่างเหนือความคาดหมาย และในตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีปรากฎว่าคุณชาญ พวงเพชร ได้คะแนนเสียงทิ้งห่างมากกว่า 100,000 คะแนนเสียง  ซึ่งเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยต้องประเมินบทบาททางการเมืองว่าเป็นเพราะเหตุใดจึงประสบความพ่ายแพ้ถึงขนาดนี้  ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาผู้สมัครในนามพรรคเพื่อไทยมักจะได้เก้าอี้ในจังหวัดปทุมธานีเป็นส่วนใหญ่  ซึ่งพอจะวิเคราะห์หาสาเหตุที่ทำให้การผู้สมัครในนามพรรคเพื่อไทย หรือผู้ได้รับแรงสนับสนุนนั้นน่าจะมีสาเหตุดังต่อไปนี้
            1. ผู้สมัครที่มีสายสัมพันธ์เสื้อแดงคาดว่าจะได้รับการเลือกตั้ง เพราะคิดว่ามีกลุ่มเสื้อแดงจังหวัดปทุมธานีมีมาก  แต่เมื่อพิจารณาแล้วกลุ่มเสื้อแดงอาจจะมาจากอีสาณ หรือจังหวัดอื่น ๆ ทำให้เกิดความประมาทเนื่องจากคิดว่ามีเสียงสนับสนุนค่อนข้างมาก แต่ตัวเลขจริง ๆ นั้นอาจเป็นประชาชนกลุ่มที่ไม่ฝักฝ่ายเสื้อสีใด ๆก็มีมากพอสมควร  จึงทำให้ผู้สมัครขาดความกระตือรือร้นในการลงพื้นที่เพื่อสร้างคะแนนนิยม ซึ่งผิดกับตัวแทนผู้สมัคร และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้ทำพื้นที่มาเป็นเวลาช้านาน  โดยเฉพาะนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนายชาญ พวงเพ็ชร เป็นมาสองสมัยแล้ว และมีผลงานที่ปรากฎอย่างเห็นเด่นชัดไม่ว่าการแก้ปัญหาวิกฤติน้ำท่วม, การพาคนแก่ไปเที่ยววัดวาอารามต่าง ๆ ,การแจกข้าวสารให้ชาวบ้าน,การแสดงผลงานในรูปแบบอื่น ๆ ในเชิงนโยบาย  ซึ่งแม้ว่านายสุเมธ ฤทธาคนีจะเป็นสส.จังหวัดปทุมหลายสมัยก็ตาม
            2. นโยบายของพรรคเพื่อไทยบางนโยบายขัดกับความรู้สึกของกลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งสิ่งสำคัญประการแรกที่การเยียวยาช่วยเหลือผู้สูญเสียจากเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม ที่มีการสูญเสียประชาชนที่บาดเจ็บล้มตายจำนวนมากแต่ยังหาผู้กระทำความผิดไม่ได้ แต่รัฐบาลก็ตกหลุมอยู่กับนโยบายปรองดอง หรือเน้นการนิรโทษกรรมแก่ผู้ที่กระทำความผิดที่รุนแรง ทำให้ประชาชนที่ต่อสู้เพื่่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริงมีความรู้สึกว่าไม่ใช่ความต้องการของประชาชนบางกลุ่ม  นอกจากนี้ยังมีนโยบายดังกล่าว เช่นนโยบายการขึ้นค่าจ้าง 300 บาท ยังไม่มีผลกับจังหวัดปทุมธานี ในขณะที่ข้าวของแพงขึ้นอย่างมากซึ่งรัฐบาลควรหาแนวทางแก้ปัญหาอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม  จากผลกระทบภาวะน้ำท่วมทำให้ชาวบ้าน และประชาชนอยู่ในสภาวะที่เกิดค่าใช้จ่ายครัวเรือนสูงขึ้น แต่รายได้เท่าเดิมหรือการจ้างงานในแถบนวนครมีการจ้างงานน้อยลงอันเนื่องจากผลกระทบภาวะน้ำท่วม มีโรงงานที่ปิดตัวหลายโรงงาน ทำให้ประชาชนมีสภาพเศรษฐกิจที่บีบรัด และเกิดความไม่พึงพอใจต่อรัฐบาลในเรื่องข้าวของแพง ซึ่งหากรัฐบาลมีการจัดสหกรณ์ หรือร้านค้าธงฟ้าราคาประหยัดสำหรับข้าวของราคาถูกแก่ชุมชน จะช่วยให้ประชาชนมีความพึงพอใจมากขึ้น มีการควบคุมสินค้าอย่างจริงจัง  ดังนั้นปัจจัยเรืื่องเงินทองจึงมีความสำคัญอย่างมากต่อวิถีชีวิตของประชาชนที่หาเช้ากินค่ำ หรือแรงงานในภาคอุตสาหกรรม และรวมถึงการผ่อนบ้านก็ต้องมามีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบ้านก่อน  จึงเป็นลักษณะชักหน้าไม่ถึงหลัง   ผลกระทบนี้หากกลุ่มคนเสื้อแดงที่ไม่มีอุดมการณ์อย่างจริงจัง ก็อาจจะหันเหไปเลือกผู้นำที่เขาพึ่งพาได้  อันนี้เป็นธรรมชาติของบุคคลเมื่อหมดหนทาง ก็ย่อมต้องหาทางพึ่งพาความช่วยเหลือ  และจากผลงานของนายก อบจ.คนเดิมได้ทำผลงานเกี่ยวกับการแกัป้ญหาน้ำท่วม ในลักษณะปรากฎตัวให้กับประชาชนในการต่อสู้กับน้ำท่วม จึงได้รับคะแนนความนิยม และความรู้สึกภาพพจน์ที่ดีที่สามารถพึ่งพาได้  มีรถบริการประชาชน   ในขณะที่กลุ่มผู้สมัครทางพรรคเพื่อไทย ไม่ได้เข้ามาช่วยเหลือหรือแก้ปัญหาอย่างจริงจังให้กับประชาชนในพื้นที่ มีแต่ในรูปแบบของรัฐบาลส่วนกลางมาช่วยเหลือ แต่ตัวบุคคลที่แสดงนั้นอาจจะช่วยเหลือ แต่ประชาชนอาจไม่เห็นผลงานก็เป็นได้ และอาจเิกิดจากการขาดการประชาสัมพันธ์ก็เป็นได้   ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประชาชนปัจจุบันอาจไม่นิยมพรรคการเมืองอย่างเดียว แต่จะดูผลงานของผู้นำ หรือตัวแทนที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้ราษฎรด้วย
             3. การทำพื้นที่ของกลุ่มผู้สมัครจากพรรคอื่น ๆ ที่ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยมีการทำพื้นที่มาอย่างยาวนาน และมีภาพโปสเตอร์ของการแต่งกายที่แสดงถึงการช่วยเหลือประชาชนในภาวะน้ำท่วม สร้างความซาบซึ้งแก่ประชาชนในภาวะวิกฤติ  นอกจากนี้การประชาสัมพันธ์ทางฝ่ายตัวแทนผู้สมัครเพื่อไทยไม่ค่อยประชาสัมพันธ์กับประชาชน จึงไม่รู้ว่ามีผลงานอย่างไร และอาจคิดว่าไม่ได้ช่วยราษฎร   เพราะไม่มีการตีปี๊ปป่าวประกาศ
             4. การเข้าถึงตัวประชาชน หรือราษฎร ปรากฎว่าทางฝ่ายผู้สมัครที่ได้รับชัยชนะมีลักษณะเข้าถึงประชาชน,เป็นกันเอง, มีการเยี่ยมเยียนราษฎร ถามสารทุกข์สุกดิบ ฯลฯ    ทำให้ประชาชนมีความนิยมในตัวบุคคลมากกว่าพรรค   แม้พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งในระดับชาติก็ตาม แต่พรรคยังขาดการวิเคราะห์เจาะลึกในแต่ละพื้นที่ หรือการศึกษาพื้นที่ต่าง ๆ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นควรมีการแสวงหาข้อมูล และการเข้าถึงประชาชนอย่างจริงใจ และสามารถช่วยประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรมก็จะทำให้ประชาชนมีความนิยมสูงขึ้น  ความต่อเนื่องสม่ำเสมอในการเข้าถึงพื้นที่ หรือมวลชนจึงเป็นหัวใจสำคัญของผู้สมัครที่จะได้รับความนิยมในตัวบุคคล   จึงสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนเลือกการพึ่งพาในภาพรวม ส่วนท้องถิ่นเลือกการพึ่งพาตัวบุคคลหากพรรคไม่สามารถเข้าถึงได้ดีกว่า    ก็นับว่าเป็นความฉลาดของประชาชนเหมือนกันในการเลือกการพึ่งพาแบบมหภาค และจุลภาค
             5. กระแสนโยบายของพรรคเพื่อไทยในฐานะรัฐบาลได้รับการโจมตีจากกลุ่มคนเสื้อแดงที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิด,อุดมการณ์ หรือทิศทางที่กลุ่มคนระดับมีความรู้หรือคนชั้นกลางไม่พอใจ ซึี่งเรื่องนี้ทางพรรคจะต้องหาแนวทาง "แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง" เพื่อกลมกลืนกับประชาชนในท้องถิ่นอย่างเป็นระบบ และกระบวนการ  มิใช่เป็นเพียงการหาเสียงในช่วงสั้น ๆ แต่ผลงานเชิงประจักษ์ยังไม่เด่นชัด แม้ว่าจะสังกัดพรรคที่ได้รับความนิยมก็ตาม   แต่การที่ นายสุเมธ ฤทธาคนี ได้ขอลาออกจาก สส.เพื่อสมัครเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และคาดคิดว่าเสียงสนับสนุนในฐานะ สส.นั้นดี และเป็นในหลายสมัย และคาคคิดว่าหากสมัครจะได้คะแนนเสียงเหนือกว่านายชาญ พวงเพ็ชร  แต่เป็นการคาดการณ์ที่ผิดพลาด  เพราะนายชาญ พวงเพ็ชร ในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด มีผลงานมาสองสมัย และมีผลงานทีต่อเนื่องและได้รับความนิยม และพอใจจากประชาชน   แม้แต่ผู้สมัคร สส.อย่างนายเกียรติศักดิ์ ส่องแสง แม้จะเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ แต่ก็กลับชนะ สส. เก่าได้มากกว่า 3 พันคะแนน
            6. การที่ประชาชนในจังหวัดมีการโยกย้ายเข้ามาพักอาศัยในจังหวัดปทุมธานีมากขึ้นอันเนื่องจากมีโครงการหมู่บ้านเกิดขึ้นอย่างมากมาย  ประชาชนจังหวัดกรุงเทพ หรือจังหวัดอื่นที่เป็นคนชั้นกลางเข้ามาพักอาศัยอยู่จำนวนมากขึ้น  ประกอบกับมีมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ทำให้กลุ่มคนชั้นกลางที่ไม่อิงกับเสื้อสีใดมีอยู่เป็นจำนวนมาก หรือผู้ที่เคยฝักไฝ่พรรคเพื่อไทยอาจเปลี่ยนใจอันเนื่องจากนโยบายของพรรคเพื่อไทยไม่เป็นที่พึงพอใจอย่างมาก      รวมทั้งการโยกย้ายถิ่นฐานจากจังหวัดอื่น ๆ ที่เข้ามาเรียนในระดับอุดมศึกษาอย่างเช่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธัญบุรี, วิทยาลัยพลศึกษา, มหาวิทยาลัยรังสิต, มหาวิทยาลัยกรุงเทพ, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,มหาวิทยาลัยราชภัฎวไลยอลงกรณ์ ฯลฯ  การโยกย้ายข้ามถิ่นมาเรียนก็เป็นตัวแปรประชากรอย่างสำคัญในการทำให้การเลื่อกตั้งมีทิศทางเปลี่ยนแปลงไป
            7. การเข้าถึงรัฐบาลที่มีต่อประชาชนในท้องถิ่น ยังไม่ค่อยเข้าถึงในเชิงลึกเท่าใด ทำให้มีความรู้สึกเหินห่าง และความสำคัญของประชาชนรู้สึกว่าด้อยลงไป  ดังนั้นการสร้างความรู้สึกว่าประชาชนมีความสำคัญจำเป็นต้องติดดิน, ครองใจ, สร้างสัมพันธ์ที่ดีกับประชาชนอย่างทั่วถึง และต้องยอมเหนื่อย และอดทนต่อการเยี่ยมเยียนประชาชนในพื้นที่
            8. ผู้สมัครในนามของพรรคเพื่อไทยอาจขาดแรงสนับสนุนจากพรรค หรือได้รับแรงสนับสนุนไม่เต็มที่   ในด้านแรงจูงใจในการทำงานเป็น สส.เพราะไม่มีงบประมาณสนับสนุน  การที่ สส.ลงสมัครเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดซึ่งมีงบประมาณสนับสนุนมากกว่าจึงเป็นแรงจูงใจ หรือการที่สส. พรรคเพื่อไทยเป็น สส.หลายสมัยแต่ไม่มีโอกาสเป็นรัฐมนตรีช่วย หรือเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ก็ทำให้เกิดการขาดแรงจูงใจได้เหมือนกัน
           9. ก็ต้องขอชมเชยในผลงานและความอุตสาหะของผู้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ในแง่สปิริตทางการเมืองอันเนื่องจากประชาชนพอใจในผลงาน และความอุตสาหะวิริยะเป็นตัวช่วย  จึงเป็นภาพสะท้อนว่าลำพังชื่อเสียงพรรคยังไม่พอ แต่ความสามารถส่วนบุคคล หรือความพึงพอใจส่วนบุคคลในผลงานก็มีส่วนสำคัญไม่น้อยในการเลือกตั้งครั้งนี้    จึงคิดว่าพรรคเพื่อไทยควรมีการปฏิรูปพรรคการเมือง หรือมีการวิจัยข้อมูลเชิงลึกในแต่ละพื้นที่ด้วยความไม่ประมาท หากสถานการณ์นี้เป็นไปในหลายจังหวัด จะทำให้พรรคเพื่อไทยอาจพ่ายแพ้การเลือกตั้งก็เป็นได้
           

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ระบบการเมืองที่ดีเหมือนปลาในอ่างแก้วที่มองเห็นตัวปลาชัดเจน

ตัวแบบจำลองภารกิจของแอสริช (Ashridge Mission Model)

การปฏิรูปการศึกษาในต่างประเทศ