ภาวะน้ำท่วมสอนอะไรกับประชาชนได้บ้าง?

  
   
          จากคำทำนายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำได้พิสูจน์ถึงความแม่นยำของการมองเห็นอนาคต ดังคำนายท่อนหนึ่งที่ว่า
          "จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว          ควงคฑามู่งสู่ดาวส่ร้างความหวัง
         ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง  สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ"
            ซึ่งจากบทกลอนสะท้อนให้ความแม่นยำอย่างที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเคยนิมิตเห็นอนาคตมาก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจน คือผู้ปกครองเป็นหญิง  และสายน้ำหลังกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ ก็จะเห็นความจริงที่ว่่าปัจจุบันคนไทยประสบปัญหากับเร่ื่องน้ำท่วมที่ไหลบ่าอย่างแรง ดูแล้วหวาดเสียวใจกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้น  เพราะบางท้องที่บ้านจมหายไปแล้ว หรือทะยอยท่วมจากทางเหนือ,อีสาณ,ภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร
        ธรรมชาติสอนอะไรเราบ้าง?  เราจะพบว่าหากเราไม่ไปกั้นหรือกักน้ำบริเวณเขื่อนมากเกินไปก็จะทำให้ไม่เกิดปัญหาน้ำล้นเขื่อน  และเมื่อมี่การปล่อยน้ำมีการกั้นประตูระบายน้ำ หรือพนังกั้นน้ำแล้วน้ำก็จะไหลสะดวก และไม่ก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมบ่าอย่างรุนแรง ทำให้ประชาชนได้รับความเสียหายแล้วก็จะทำให้ไม่เกิดความเสียหาย เพราะการขาดบูรนาการร่วมกันในการทำงานของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ทำให้กระทบต่อความาเป็นอยู่ของประชาชน และเศรษฐกิจประชาชนไปจนถึงระดับชาติ  และการที่มีประชาชนหรือผู้บุกรุกป่าสงวนได้ตัดไม้ทำลายป่า และการทำลายธรรมชาติทำให้ธรรมชาติกลับเข้ามาทำลายเราได้เช่นกัน  ดังนั้นการฝืนกระแสธรรมชาติย่อมทำให้ประชาชนได้รับภัยพิบัติ
         พลังของน้ำมหึมาเป็นพลังที่เมื่อรวมตัวกันจากที่่สูงก็ย่อมไหลไปสู่ที่ต่ำ  หากเราไปกักน้ำหรือไม่ปล่อยให้พลังน้ำเหล่านี้ไหลไปตามธรรมชาติแล้ว  เมื่อกักน้ำมาก ๆ จนถึงระดับหนึ่งก็ไม่สามารถต้านทานได้ทำให้น้ำไหลบ่าท่วม ซึ่งเป็นน้ำหลากเข้ามาท่วมอย่างต่อเนื่องและทวีความสูงขึ้นเรื่อย ๆ   และท้ายที่สุดพลังน้ำนั้นเมื่อไหลมารวมก้นระดับน้ำจะมีความเท่าเทียมกัน และไม่เลือกปฏิบัติหรือเลือกฐานะทางเศรษฐกิจของคน ทุกคนจะได้รับผลกระทบต่อน้ำท่วมอย่างเท่าเทียมก้น   อย่างที่เราเห็นเด่นชัดคือนิคมอุตสาหกรรม 7 แห่งด้วยกันได้รับความเสียหายนับหลายแสนล้านบาท  แม้แต่กรุงเทพมหานครเองก็พลอยได้รับผลกระะทบไปด้วย  ดังนั้นน้ำไม่เลือกปฏิบัติให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ไม่เป็นสองมาตรฐาน เพราะแม้แต่เราจะกักน้ำเพียงใด พลังน้ำก็ทำลายทำนบกั้นและไม่สามารถต้านทานได้
         สิ่งนี้ธรรมชาติสอนให้เราเห็นว่า สังคมใดก็ตามหากเราสกัดกั้น, วางกำแพงกั้น หรือวางระบบกฎหมายที่ีไม่ยุติธรรม การกักกั้นกีดกันเพื่อว่าคนอีกกลุ่มหนึ่งอยู่รอด แต่อีกชนชั้นหนึ่ีงอยู่ไม่รอด  ท้ายที่สุดสิงที่รวมตัวรวมพลังเพื่อความต้องการธรรมชาติของมนุษย์เราก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจฝินกั้นธรรมชาติ เช่นมนุษย์ต้องการความยุุติธรรม,ความเสมอภาค ไม่่เลือกปฏิบัติเปรียบเสมือนพลังมวลน้ำ  หากเรามีกฎหมายกีดกั้น หรือตั้งกำแพงกั้นชนชั้นแล้วไซร้  ท้ายที่สุดพลังมวลมหาประชาชนก็ไม่สามารถอาจต้านทานความต้องการหรือความปรารถนาได้ นี่คือสัจจธรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และธรรมชาติก็สอนเราให้รู้ว่าอย่าประมาท และเตื่อนเราด้วยไม่ใช่ภาษามนุษย์  แต่เป็นภาษาธรรมชาติ แต่เราต้องอ่านให้ออกเท่านั้นจึงจะรู้เท่าทันกับสิ่งธรรมชาติที่สอนเราอยู่เบื้องหลัง        ดังนั้นการปลดปล่อยพลังธรรมชาติโดยไม่ฝืนม้น หรือเปิดเส้นทางพลังมวลน้ำให้ออกได้หลายกระแส ก็จะลดปัญหาความรุนแรง หรือความเชี่ยวกรากได้ เช่นกันในการปกครองมนุษย์ก็เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง หากเราไม่เข้าใจความปรารถนาของมนุษย์ และเราไม่สนใจไปแก้ปัญหาม้น   ท้ายที่สุดสิ่งเหล่านี้เมื่อพลัง่ของคนเรารวมตัวกันต่อต้านมาก ๆ ก็ไม่สามารถต้านทานได้   ซึ่งก็เป็นการอุปมาหยิบยกเพื่อเตือนใจให้คนไทยได้สามัคคีกันเพื่อส่วนรวมประเทศชาติ   สังคมท่ี่ดีที่ไม่ฝืนกระแสธรรมชาติดั่งมวลน้ำที่ไม่ทำลายมนุษย์ก็จะไม่บังเกิดความรุนแรงได้เช่นกัน


 




         
            

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ระบบการเมืองที่ดีเหมือนปลาในอ่างแก้วที่มองเห็นตัวปลาชัดเจน

ตัวแบบจำลองภารกิจของแอสริช (Ashridge Mission Model)

การปฏิรูปการศึกษาในต่างประเทศ