ควรเปลี่ยนเวอร์ชั่่นของการประชุมสภาใหม่

            การเมืองไทยยังมีลักษณะไม่เดินหน้า แต่กลับกลายเป็นโต้แย้งในสภาในลักษณะที่ไม่สร้างสรรค์ และทำให้เสียเวลาในการพัฒนาบ้านเมือง ไม่ควรเอาเรื่องเก่า ๆ หรือวิธีการเก่ามาใช้ในสภาในลักษณะต่อว่า,เสียดสี, ทิ่้มแทง ทำให้ภาพพจน์สภาเสียหาย และแสดงถึงการไม่พัฒนาทางการเมืองในวิถีประชาธิปไตย ในการพูดของนักการเมืองในสภาควรมีการทำการบ้านมาอย่างดี ไม่เช่นนั้นจะทำให้นักการเมืองใช้วาทะกรรมแบบเก่า ๆ มาใช้ ไม่่มีอะไรใหม่  สิ่งที่ทำ,สิ่งที่พูด, สิ่งที่คิดควรมีอะไรใหม่ ๆ ไม่จมปลักอยู่กับเรื่องที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายได้  นักการเมืองควรเป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งดีงามของสังคม แม้ว่่าวิธีการเก่า ๆ จะเป็นที่พึงพอใจของพรรคพวกบริวาร หรือประชาชนทีั่สนับสนุนก็ตาม แต่ก็ยังไม่เป็นผลดีต่อบ้านเมือง  เหมือนกับการที่เราดื่มสุราเราชักชวนคนถูกคอมาดื่มก็จะทำให้คนที่เอาอย่างเราพลอยติดสุราเรื้อรังก็ได้   เหมือนเวทีสภาบางครั้งประชาชนแต่ละฝ่ายต่างชอบลีลากันในคนละสไตล์ ก็ถือว่าเป็นวิถึของประชาธิปไตยในความแตกต่าง ดังนั้นหากจะวิพากย์วิจารณ์สิ่งใดก็ให้คิดเสียก่อนว่าเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองมากน้อยเพียงใด หากไม่เป็นประโยชน์เราก็หยุดเสีย  มิฉะนั้นการเมืองในสภาก็ไม่ต่างกับละครน้ำเน่าและอาจลุกลามเป็นไปทั้งสภา   การวิจารณ์ในทางการเมืองควรมีการแสวงหาความรู้ในเชิงการพัฒนาทางการเมือง และการบริหารพัฒนา เพื่อให้การพูดมี่น้ำหนักแสดงถึงผู้พูดมี่ความรู้ดี เตรียมตัวมาดี  แต่มิใช่การพูดแบบลูกทุ่ง หรือเหวี่ยงแห หรือการพูดที่ไม่มีข้อเท็จจริง แต่เป็นลักษณะการโจมตีแบบไม่มีที่มา  ทำให้สังคมไทยกลายเป็นสังคมใส่ร้าย, ป้ายสีและกลายเป็นโรคติดต่อลุกลาม ควรให้เกียรติกับประชาชนผู้ฟังในฐานะเจ้าของภาษี และเป็นผู้เลือกท่านเข้ิามาในสภา   ดังนั้นการปรับปรุงเวอร์ชั้นในสภาหรืออัพเดทจึงเป็นเรื่องของการพัฒนาการเมือง หรือสถาบันการเมืองให้เป็นสถาบันหลักของชาติ   ผู้มีเสียงน้อยกว่าควรเป็นฝ่ายสร้างสรรค์ ในเรื่องผลงานประชาชนเป็นผู้มองเอง หากประชาชนได้รับประโยชน์แต่นักการเมืองไม่่ได้รับประโยชน์ก็ไม่ควรไปโกรธ หรือหาเรื่องทะเลาะวิวาทกันในสภา
เพราะท่านคือตัวอย่างของผู้ใหญ่ที่ทำหน้าทื่ปกครองประเทศ  แต่การแสดงบทบาทที่เป็นเชิงลบในสภายิ่งทำให้เสื่อมเสีย  ในเมื่อนักการเมืองต่างก็เป็นอาชีพที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรีมีคนนับถือ หากนักการเมืองกระทำตนให้เสื่อมเสียแล้ว ประชาชนก็จะขาดศรัทธาได้   จงหยุดทะเลาะเพื่อประเทศชาติได้ใหมแต่เรามามองหาวิธีการที่่ประเทศไทยช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญ มิใช่เพื่อความเจริญของเราฝ่ายเดียว แต่เป็นความเจริญของบ้านเมืองทุก ๆ คน เพราะทุกคนในประเทศล้วนเป็นหุ้นส่วนคนละหนึ่งเสียงเท่าเทียมกัน  การที่จะทำให้ฝ่ายค้านกลายเป็นฝ่ายสร้างสรรค์ทางการเมืองได้ ควรออกกฎหมายที่เปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านได้ทำงานในบางอย่างที่เป็นประโยชน์ เช่นมีงบประมาณให้ สส.ฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่ในการพัฒนาจังหวัดร่วมกับฝ่ายรัฐบาล เป็นลักษณะ 1 รัฐบาล แต่เป็นสองการปกครองที่มีทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านได้ร่วมมือกันทำงาน เพื่อมิให้ฝ่ายค้านมีเวลาว่างมากเกินไป ทำให้ฝ่ายค้านมีเวลานั่งจับกลุ่่มขุดคุ้ยวิพากย์็วิจารณ์ ทำให้เกิดผลกระทบต่อการทำงานรัฐบาลได้  เป็นลักษณะร่วมกันทำงานร่วมกันตรวจสอบซึ่งกันและกัน  และแข่งขันกันว่าการทำงานของฝ่ายค้านกับฝ่้ายรัฐบาลใครมีผลงานดีกว่่ากัน หากฝ่ายค้านมีผลงานด้อยกว่า ก็จะทำให้ฝ่ายค้านยอมรับการทำงานของฝ่้ายรัฐบาล  แต่ต้องเป็นกิจกรรมที่รัฐบาลออกแบบให้ฝ่ายค้านได้ทำ มิใช่เป็นการทำงานในทุกเรื่อง แต่ควรเป็นงานสร้างสรรค์  หรือเป็นโครงการอะไรก็แล้วแต่ และทำการประกวดประชันกัน โดยเน้นทำงานเป็นทีม มีการปรึกษาหารือกันตลอด และการให้เกียรติซึ่งกันและกัน   เพราะการเมืองไทยหากไม่มีการออกแบบความคิดใหม่แล้วก็ย่อมกลับไปสู่วงจรแบบเก่า ๆ ไม่มีอะไรใหม่่ และแทบจะเดาได้ว่านักการเมืองพูดเพื่ออะไร, ทำเพื่ออะไร, มีฐานคิดจากอะไร? ทำให้บรรยากาศของการเมืองไทยไม่ได้พัฒนาไปกับประเทศที่มีประชาธิปไตยที่ก้าวหน้าเสียที

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ระบบการเมืองที่ดีเหมือนปลาในอ่างแก้วที่มองเห็นตัวปลาชัดเจน

การปฏิรูปการศึกษาในต่างประเทศ

ตัวแบบจำลองภารกิจของแอสริช (Ashridge Mission Model)