การเมืองแห่งความไม่หวาดกลัว

 
      สิ่งที่นักรัฐศาสตร์ หรือนักคิดทางการเมือง มักกล่าวเสมอ ๆว่าการเมืองคือเรื่องของผลประโยชน์,มนุษย์เป็นสัตว์การเมือง, การเมืองไม่มีมิตรและศัตรูที่ถาวร ฯลฯ นั้นเป็นวาทะกรรมที่เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ใช่ว่าจะเลวร้ายไปหมดสำหรับนักการเมือง นั่นก็คือจิตสำนึกของนักการเมืองในการควบคุมกิเลสจะมีมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับอุดมการณ์ของนักการเมือง, นักคิดการเมือง,นักปฏิวัติทางการเมือง หากมีจิตสำนึกทางการเมืองมากเท่าใด การทำงานการเมืองที่เป็นเชิงสร้างสรรค์ก็มีมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งจะสังเกตุได้จากการเมืองทั่วโลก สิ่งสำคัญของนักการเมืองที่ควรพิจารณาได้แก่
     1. นักการเมืองแบบเล่นการเมือง หมายถึงการเมืองที่นักการเมืองไม่ได้มีจิตสำนึกในทางการเมือง แต่มองการเมืองเป็นเพียงเกมส์อย่างหนึ่งเท่านั้น ว่าผู้เ่ล่นใครจะได้จะเสีย (Zero-sum game) การเมืองแบบสไตล์นี้ทำให้คนเรามีความหวาดระแวง และมักจะใช้วิธีลับ,ลวง,พราง จนไม่มีเวลาคิดสร้างสรรค์ทำประโยชน์แก่ราษฎรทั่วไป เพราะมัวแต่คอยแสวงหาอำนาจ, แสวงหาผลประโยชน์, และการเล่นใส่ร้าย,ใส่ไฟ, หรือโยนบาปแก่ผู้อื่น จัดว่าเป็นนักการเมืองแบบน้ำเน่า
     2. นักการเมืองแบบเล่นการเมืองเพื่อชื่อเีสียง และอิงประโยชน์ทางการเมือง นักการเมืองแบบนี้มักจะเรียกว่านักการเมืองแบบตามน้ำ, ใช้หลักน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า, หมูไปไก่มา, เป็นนักเจรจาต่อรองทางการเมือง หรือนักการเมืองแบบน้ำขุ่น
     3. นักการเมืองแบบสะอาด เป็นนักการเมืองที่มีความซื่อสัตย์ ไม่โกงกินคอรัปชั่นแม้มีโอกาสก็ไม่ทำ ซึ่งค่อนข้างหายาก และมักจะเข้ากับใครไม่ได้เพราะเป็นคนส่วนน้อย และนักการเมืองเขาไม่ทำกัน  ส่วนใหญ่จะฉวยโอกาส เราเรียกว่านักการเมืองแบบน้ำใส
     4. นักการเมืองแบบเสือ,สิงห์,กระทิง,แรด หมายถึงนักการเมืองที่เมื่อมีผลประโยชน์ที่ใหนก็เฮถึงนั่น ไร้อุดมการณ์ สามารถทรยศเพื่อความยิ่งใหญ่ หรือหักหลังพรรคพวกเพื่อนฝูงได้ พร้อมย้ายพรรค,ย้ายขั้ว หรือสยบกับคนมีอำนาจบารมีเืพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมือง และเพื่อการเลือกตั้งสมัยหน้า เรียกนักการเมืองแบบนี้ว่าเป็นนักการเมืองแบบน้ำสกปรก
     5. นักการเมืองแบบเอาตัวรอด หมายถึงไม่ค้าน, ไม่แสดงออก, แต่มีท่าทีเฉย ๆ แบบหงิม ๆ หยิบชิ้นปลามัน ถือว่าพูดไปสองไพเบี้ยนิ่งเสียตำลึงทอง, หรือรู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง เป็นคนเอาตัวรอดเก่ง ไม่กล้าเสี่ยงหรือเสนอความจริงเพื่อประโยชน์ส่วนรวมเรียกว่านักการเมืองแบบน้ำนิ่งไหลลึก
     6. นักการเมืองแบบกล้าได้กล้าเสีย, มีน้ำใจช่วยเหลือประชาชน, กล้าเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆให้ดีขึ้น ทำงานเพื่อประชาชน มีความสามารถในทางเศรษฐกิจเรียกว่านักการเมืองแบบน้ำดี
     โดยสรุปมนุษย์เรามีความเป็นนักการเืมืองอยู่แล้ว ไม่ว่าอาชีพใด ๆ ก็ตามเพียงแต่ว่าองค์การที่อยู่นั้นมีผลประโยชน์มากน้อยเพียงใด หรือการควบคุมความทะยานอยากมีมากน้อยเพียงใด หากมนุษย์มีความโลภน้อยก็จะเป็นนักการเมืองแบบน้ำใส และน้ำดี, หากนักการเมืองมีความโลภมากก็จะกลายเป็นนักการเมืองแบบน้ำเน่าหรือที่เรียกว่าเป็นน้ำเน่า, น้ำสกปรก  ส่วนนักการเมืองที่มีความโลภปานกลางเรียกว่านักการเมืองแบบน้ำขุ่น  ส่วนนักการเมืองแบบซื่อสัตย์หรือเป็นนักการเมืองดีได้แก่นักการเมืองแบบน้ำใส หรือน้ำดี   อย่างไรก็ดีสิ่งสำคัญที่สุดคือนักการเมืองที่ดีควรมีผลงานเป็นที่ประจักษ์แจ้ง และราษฎรรักศรัทธา  ดังนั้นจึงไม่ควรถือสาหาความนักการเมืองมาก และหากมีคนกลุ่มใดคิดล้มนักการเมืองที่ประชาชนเลือกเขามาถึงแม้ไม่ใช่นักการเมือง แต่ก็กลายเป็นนักการเมืองที่ไม่อยู่ในเวทีหรือในสนามการเมือง กลายเป็นผู้ร้ายทางการเมืองซึ่งหนักหนายิ่งกว่านักการเมืองเสียอีก



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ระบบการเมืองที่ดีเหมือนปลาในอ่างแก้วที่มองเห็นตัวปลาชัดเจน

การปฏิรูปการศึกษาในต่างประเทศ

ตัวแบบจำลองภารกิจของแอสริช (Ashridge Mission Model)