ทำไมการเมืองจีงมีความสำคัญต่อประชาชน
การเมืองมิใช่เรื่องเลวร้าย มีแต่คนวาดภาพทางการเมืองที่เลวร้ายต่างหากที่ทำให้การเมืองดูเหมือนเลวร้าย การเมืองคล้าย ๆกับศาสนาเพียงแต่การเมืองเป็นแนวคิดทัศนะ หรือลัทธิทางการเมืองเท่านั้น แต่ศาสนาเป็นเรื่องที่เป็นความเชื่อศรัทธาที่อยู่นอกเหนือความเข้าใจกระจ่างของมนุษยชาติ แต่การเมืองเป็นเรื่องวิสัยทัศน์ที่สามารถเห็นได้จริงจากการที่นักการเมืองเข้ามาทำงานและสามารถนำการเมืองไปสู่สิ่งที่สร้างสรรค์ได้ บางท่านมองว่าการเมืองเป็นเรื่องผลประโยชน์ บางท่านมองว่าการเมืองคือการที่คนเราแอบอ้างทำเพื่อผู้อื่น แต่อันที่จริงทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น (แอมเบรียส โบส) ดังนั้นการเมืองสามารถสร้างสรรค์ได้หากคนเรามองผลประโยชน์ของส่วนรวมเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตัวได้ เพราะนั่นก็คือทำให้ประเทศนำไปสู่ความสำเร็จเจริญรุ่งเรืองเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกฝ่ายทุกอาชีพและทุกชนชั้นได้ ดังนั้นผู้ทีทำงานการเมืองต้องมีศาสนาประจำใจว่าเรามาทำประโยชน์ให้กับชาติและแผ่นดิน เรามิใช่ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ผลงานต่างหากที่ทำให้เรายิ่งใหญ่ในเชิงประจักษ์ ต่อไปนี้เป็นแนวคิดของบุคคลที่มองการเมืองในแง่ดี และแง่ร้าย หรือนักการเมืองน้ำเน่าดังนี้
1. นักการเมืองที่มองในแง่ดีมองว่าการเมืองเป็นเรื่องสร้างสรรค์ อำนาจที่นำมาใช้เป็นสิ่งสร้างสรรค์สร้างผลงานให้ประชาชนอยู่ดีกินดี แต่นักการเมืองที่มองโลกในแง่ร้ายมักหวงอำนาจ และไม่อยากยกอำนาจให้กับประชาชน
2. นักการเมืองที่มองในแง่ดีจะมองว่าการเมืองให้สิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาคอย่างเท่าเทียมกัน กฎหมายที่ใช้จะไม่เลือกปฏิบัติเป็นสองมาตรฐาน แต่นักการเมืองที่มองแง่ร้ายมักกลัวการสูญเสียอำนาจ, นิยมใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือที่ตนเองเป็นผู้ได้เปรียบ เชิดชูตัวบุคคลมากกว่าหลักการประชาธิปไตย
3. นักการเมืองที่มองโลกในแง่ดีไม่มองการเมืองแบบเล่นการเมือง มีความรับผิดชอบสูงแต่นักการเมืองที่มองโลกในแง่ร้ายมองการเมืองว่าเป็นเรื่องชั่วร้าย และมักโจมตีนักการเมืองชั่วร้ายไปหมด จนลืมไปว่าตนเองก็เป็นนักการเมือง และทุกคนในประเทศก็เป็นนักการเมือง เพราะมนุษย์เป็นสัตว์การเมือง (Animal Farm) และนักการเมืองแง่ร้ายมักเข้าใจผิดคิดว่านักการเมืองชั่วร้ายไปหมดทั้ง ๆ ที่นักการเมืองนั้นเขาได้รับการคัดเลือกจากประชาชนทั้งนั้น
4. นักการเมืองน้ำดีทำงานเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม และสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ ส่วนนักการเมืองน้ำเน่ามองว่าการเมืองทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว กลัวความจริงซ่อนเร้นความชั่ว และสร้างภาพพจน์ดูดี แต่เมื่อรื้อพรมมาแล้วปลวกเต็มบ้าน
5. นักการเมืองน้ำดีจะมีความอดทนต่อการทำงานที่ผิดพลาดของรัฐบาลที่มีผลงานเสียหาย และยอมรับความขมขื่น แต่นักการเมืองน้ำเน่ามักมองผลประโยชน์ของกลุ่มตนเอง และมักโจมตีแบบเหวี่ยงแห หรือใส่ร้ายป้ายสีอย่างไม่ชอบธรรม
6. นักการเมืองมองโลกแง่ดีจะไว้ใจเพื่อนมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ส่วนนักการเมืองมองโลกแง่ร้ายมักโจมตีว่าไม่ควรสนใจการเมือง และทำให้ประชาชนอ่อนแอทางความคิดประชาธิปไตย ทำให้การเมืองจำกัดอำนาจเฉพาะกลุ่ม เพราะเป็นการหลอกลวงประชาชนให้เข้าใจผิดคลาดเคลื่อนไป
7. นักการเมืองที่มีวิสัยทัศน์ดีจะมองภาพรวมของประเทศเป็นหลักว่าสามารถทำงานได้เข้าเป้าหมายหรือไม่ แต่นักการเมืองที่ขาดวิสัยทัศน์มักมองแคบ และภาพเล็ก สนใจแต่เรื่องจุกจิก ไม่ได้มองภาพรวมประเทศเป็นหลัก ทำให้การเมืองไทยอ่อนแอได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น