ข้อเสนอแนะแนวทางเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (Educational Reform Solutions)
ปัจจุบันการศึกษาของไทยมีลักษณะที่มีลักษณะเดินถอยหลัง หรือคุณภาพทางการศึกษาโดยรวมลดลงไปอย่างมาก ทุกระดับการศึกษาตั้งแต่ระดับประถมศึกษา,มัธยมศึกษา, และอุดมศึกษาซึ่งพอจะประมวลสาเหตุของปัญหา และแนวทางแก้ไขปัญหาของระบบการศึกษา มีดังนี้
1. ในด้านการบริหารงานการศึกษา ซึ่งมีลักษณะการทำงานขาดความคล่องตัวอันเนื่องจากการมีสายการบังคับบัญชาที่ทอดยาวมากเกินไป (Vertical Hierarchy) และการรวมศูนย์อำนาจที่ผู้บริหารองค์การมีอำนาจมากเกินไป ถึงขั้นผูกขาดอำนาจ และไม่สามารถที่จะทำให้เกิดความคล่องตัวในเชิงการรับฟัง หรือการมีส่วนร่วมค่อนข้างต่ำ ทำให้เกิดปัญหาดังนี้
ก. การสร้างอาณาจักรของผู้บริหารการศึกษา ซึ่งหมายความว่ามีการผูกขาดอำนาจในการบริหาร ผู้บริหารขาดการหมุนเวียน การแต่งตั้งนิยมตั้งพวกพ้อง หรือพรรคพวกมากเกินไป จึงทำให้วิสัยทัศน์ในทุกระดับบริหารคับแคบ แม้ว่าจะไปดูงานมามากสักเพียงใด ก็ไม่เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาการศึกษา ซึ่งอันที่จริงการดูงานควรใช้ผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือผู้ที่จำเป็นต่อการพัฒนา แต่หลายองค์กรในระดับอุดมศึกษามักไปดูงานเป็นประจำ เมื่อกลับมาดูงานแล้วก็ไม่เห็นมีการพัฒนาเชิงเนื้อหาคุณภาพทางการศึกษาประการใด ส่วนใหญ่เป็นการสร้างทันสมัย เช่นตึกต่าง ๆ ซึ่งก็ไม่ได้ใช้เต็มที่ ควรมีการดูอัตราการใช้ตึกก่อสร้างต่าง ๆ ว่าใช้คุ้มค่าหรือไม่ เพราะเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณอย่างมาก
ข. การซื้อขายตำแหน่ง รวมทั้งการฝากเด็กเข้าเรียนตั้งแต่ระดับประถม,มัธยม จนถึงระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งการสอบบางครั้งจะสอบสองรอบ รอบแรกคัดเด็กจริง รอบสองคัดเด็กฝาก ทำให้เด็กนักเรียน,นักศึกษาไม่ใช่คนเก่ง และทำชื่อเสียงให้มหาวิทยาลัย ด้วยแรงจูงใจของอำนาจเงินจึงทำให้ผู้บริหารสนใจแต่ผลประโยชน์เข้าหาตนเอง จนไม่มีเวลาไปคิดพัฒนา เท่าที่ทำคือขายผ้าเอาหน้ารอดกันเป็นส่วนใหญ่ เว้นแต่มหาวิทยาลัยที่รักษาชื่อเสียงซึ่งอาจจะมีเพียงไม่กี่มหาวิทยาลัย
ค. การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการครูส่วนใหญ่ก็ใช้ระบบอุปถัมภ์ ทำให้ครูที่บรรจุกลายเป็นเครื่องมือของผู้บริหาร ในการพิทักษ์ตนเอง โดยใช้บุญคุณเป็นตัวแลกเปลี่ยน ทำให้ครูที่บรรจุมานั้นกลายเป็นครูที่ขาดอุดมการณ์ เพราะมัวแต่เอาใจผู้บริหาร และใครวิจารณ์ก็จะโกรธแทน และกลายเป็นองครักษ์พิทักษ์นายโดยปริยาย
ง.การจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่โปร่งใส และเป็นธรรม เพราะมีระบบผูกขาดในการเหมางาน เนื่องจากผู้บริหารได้รับประโยชน์จากค่าคอมมิชชั่น เช่นการสร้างตึก, การจัดซื้ออุปกรณ์ซึ่งบางครั้งไม่จำเป็นต้องซื้อบ่อย ๆ หรือการซื้อเก้าอี้โต๊ะคุณภาพต่ำ ต้องเปลี่ยนบ่อยครั้ง
จ. ระบบบริหารมหาวิทยาลัย ก่อให้เกิดการล๊อบบี้เพื่อแลกผลประโยชน์จนไม่ได้ตั้งใจดูแลคุณภาพ เพียงแต่ทำตามรูปแบบเท่านั้น เช่นการทำ TRF นั้นเป็นเพียงรูปแบบไม่สะท้อนคุณภาพ ทำให้ใครจะเขียนให้ดีอย่างไรก็ได้ แต่ในทางปฏิบัติไม่สามารถทราบได้ว่าได้สอนดีตามมาตรฐานหรือไม่?
ฉ.เกิดระบบสืบทอดทายาทการบริหารที่พยายามใช่พรรคพวกตนเอง เข้าดำรงตำแหน่งแทน ซึ่งอันนี้หากเป็นทายาทที่ดีก็พอรับได้ แต่หากเป็นคนไม่ดีแล้ว จะเป็นผลเสียต่อระบบการศึกษาเป็นอย่างมาก การจัดให้มีระบบเหมือน กพ.ที่มีการสอบบรรจุเพื่อแต่งตั้งบุคคลเป็นผู้บริหารจะดีกว่าระบบสรรหา เพราะระบบสรรหาเปิดช่องทางให้เิกิดการล๊อบบี้กันได้อย่างสบาย ทำให้ผู้บริหารก็พยายามล๊อบบี้เพื่อให้ลูกน้องของตนเองได้ดำรงตำแหน่ง ทำให้การบริหารงานขาดความเป็นมืออาชีพ เมื่อมีสอบทฤษฎีแล้วจึงมาสอบวิสัยทัศน์อีกครั้งหนึ่ง ก็จทำให้คนตื่นตัวในการศึกษาหลักการบริหารมหาวิทยาลัย หรืออาชีวศึกษา เพื่อเป็นข้าราชการมืออาชีพได้ ก็ยังดีกว่าระบบที่เป็นอยู่ ซึ่งจะบรรจุคนเหมาะสม ซึ่งพบว่าหลายครั้งขาดความเหมาะสม เพราะเปิดช่องทางระบบอุปถัมภ์เข้าไปชอนใชระบบได้
ช. การที่ผู้บริหารมีผลประโยชน์ในการจัดหลักสูตรมากเกินไป เช่นเป็นประธานกรรมการหลายหลักสูตร, หรือเป็นผู้ดูแลหลักสูตรมากโดยเฉพาะตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง ทำให้ผู้บริหารเข้าไปล้วงลูก และมีผลประโยชน์ทางการศึกษามากเกินไปมากกว่าเงินเดือน นอกจากนั้นยังมีการตอบแทนจากกรรมการสภามหาวิทยาลัยในการกำหนดเงินเดือนสูงให้แก่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยมากมาย ในขณะที่ครูอาจารย์ต้องสอนหนังสือกันหลังขดหลังแข็ง เงินเดือนก็น้อย
ซ. การจัดเก็บเงินผลประโยชน์มหาวิทยาลัยเป็นที่มาของรายได้ผู้บริหารมหาวิทยาลัย ที่ได้ผลประโยชน์จากการแบ่งกำไร เช่นหอพัก, ซุ้มอาหาร, ห้องอาหารมหาวิทยาลัย, น้ำดื่มจากภายนอก ทำให้มหาวิทยาลัยไม่ใช่แหล่งที่จะพัฒนาวิชาการอย่างจริงจัง แต่กลายเป็นแหล่งแสวงหาผลประโยชน์มากกว่า ทำให้คุณภาพโดยรวมเสียหาย
ฌ. จากการจัดการศึกษาระดับประถมศึกษา,มัธยมศึกษา, จนกระทั่งระดับอุดมศึกษา เมื่อมีการเน้นผลประโยชน์กันมากจนลืมคุณภาพทางการศึกษาแล้ว ก็จะกระทำต่อผลงานรัฐบาล, ต่อกระทรวงศึกษาธิการโดยรวม เพราะมัวแต่ให้ครูอาจารย์ทำงานประเภทเอกสารกันมากเกินไป แทนที่จะสนับสนุนการพัฒนาวิชาการ หรือการค้นคว้าความรู้ หรือเทคนิคการสอน รวมทั้งการสอนด้านคุณธรรม หรือระเบียบวินัย มิใช่มีแต่เรื่องการดูแลทรงผม แต่หมายถึงวินัยในการเข้าเรียน, วินัยในการตั้งใจเีรียน วินัยในการตั้งคำถามกับครูอาจารย์ โดยผู้สอนไม่โกรธ, ซึงตรงนี้หายไปมากทีเดียว
สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาโดยสังเขปดังนี้
ก. กระจายอำนาจในทุกระดับการศึกษา ควรมีระบบการตรวจสอบถ่วงดุลย์ตลอด แม้กระทั่งการมีสภาคณาจารย์และข้าราชการ ก็มีการแทรกแซงในการที่ผู้บริหารนำคนของตนเองเข้าไปอยู่ที่สภา และให้พยายามเลือกสรรเป็นประธานสภาคณาจารย์ก็มี
ข. สร้างแรงจูงใจในผลตอบแทน และสร้างเวทีแห่งโอกาสของครูอาจารย์ให้มีส่วนร่วม หรือมีบทบาทให้มากกว่านี้ ทุกวันนี้ครูอาจารย์กลายเป็นคนที่ต่ำต้อยด้อยค่า เพราะเกรงกลัวต่อการบริหารมหาวิทยาลัย การเลื่อนชั้นเลื่อนตำแหน่ง หรือการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งควรมีระบบคุณธรรม หากใช้ระบบนี้ เชื่อว่ากระทรวงศึกษาธิการจะได้รับชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ และในเวลาไม่กี่ปีก็จะทำให้คุณภาพการศึกษายกระดับในทุกระดับ ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนมาก ควรขจัดปัญหาเด็กใคร เส้นใคร ฯลฯ มาทำลายระบบการศึกษา
ค. การเปิดโอกาสให้ใช้บุคคลภายนอก มาสอนพิเศษ เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้โลกที่กว้างขวาง โดยพิจารณาจากภาระงาน เพราะบางคนสอนมาก แต่คุณภาพการสอนไม่ดี หรือเอาครูอาจารย์วุฒิไม่ตรง หรือสถาบันไม่เป็นที่ยอมรับมาสอน ทำให้คุณภาพของบัณฑิตลดลงไปอย่างเห็นเด่นชัด น่าจะมีสถาบันการวัดสมรรถนะของครูอาจารย์ โดยใช้เกณฑ์คือครูอาจารย์ประจำ 70% และอาจารย์พิเศษ 30 % เพราะมีการกีดกันครูอาจารย์ดี ๆ ไม่ได้ทำการสอน และมีการบรรจุครูที่เป็นพวกพ้อง และอาจไม่มีความสามารถในการสอน ทำให้แรงจูงใจของบุคลากรต่ำลง
ง. ให้รางวัลกับบุคคลที่ใช้เงินฝากเด็ก ที่รู้เบาะแส หรือรางวัลกับแก่ผู้ที่ชี้เบาะแสว่ามีการทุจริตในการรับเงินฝากเด็ก ก็จะช่วยลดอัตราได้มากทีเดียว
จ. ต้องมีคณะกรรมการปฏิรูปการศึกษาแบบเร่งด่วนระยะสั้น, ระยะปานกลาง และระยาว เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาทั้งระบบ เพื่อคุณภาพทางการศึกษา และเปิดโอกาสให้คนดีมีความสามารถเข้ามาทำงานในตำแหน่งผู้บริหาร และป้องกันมิให้ผู้บริหารที่มุ่งแต่ผลประโยชน์ส่วนตนเข้ามาใช้โอกาสตักตวงได้
1. ในด้านการบริหารงานการศึกษา ซึ่งมีลักษณะการทำงานขาดความคล่องตัวอันเนื่องจากการมีสายการบังคับบัญชาที่ทอดยาวมากเกินไป (Vertical Hierarchy) และการรวมศูนย์อำนาจที่ผู้บริหารองค์การมีอำนาจมากเกินไป ถึงขั้นผูกขาดอำนาจ และไม่สามารถที่จะทำให้เกิดความคล่องตัวในเชิงการรับฟัง หรือการมีส่วนร่วมค่อนข้างต่ำ ทำให้เกิดปัญหาดังนี้
ก. การสร้างอาณาจักรของผู้บริหารการศึกษา ซึ่งหมายความว่ามีการผูกขาดอำนาจในการบริหาร ผู้บริหารขาดการหมุนเวียน การแต่งตั้งนิยมตั้งพวกพ้อง หรือพรรคพวกมากเกินไป จึงทำให้วิสัยทัศน์ในทุกระดับบริหารคับแคบ แม้ว่าจะไปดูงานมามากสักเพียงใด ก็ไม่เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาการศึกษา ซึ่งอันที่จริงการดูงานควรใช้ผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือผู้ที่จำเป็นต่อการพัฒนา แต่หลายองค์กรในระดับอุดมศึกษามักไปดูงานเป็นประจำ เมื่อกลับมาดูงานแล้วก็ไม่เห็นมีการพัฒนาเชิงเนื้อหาคุณภาพทางการศึกษาประการใด ส่วนใหญ่เป็นการสร้างทันสมัย เช่นตึกต่าง ๆ ซึ่งก็ไม่ได้ใช้เต็มที่ ควรมีการดูอัตราการใช้ตึกก่อสร้างต่าง ๆ ว่าใช้คุ้มค่าหรือไม่ เพราะเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณอย่างมาก
ข. การซื้อขายตำแหน่ง รวมทั้งการฝากเด็กเข้าเรียนตั้งแต่ระดับประถม,มัธยม จนถึงระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งการสอบบางครั้งจะสอบสองรอบ รอบแรกคัดเด็กจริง รอบสองคัดเด็กฝาก ทำให้เด็กนักเรียน,นักศึกษาไม่ใช่คนเก่ง และทำชื่อเสียงให้มหาวิทยาลัย ด้วยแรงจูงใจของอำนาจเงินจึงทำให้ผู้บริหารสนใจแต่ผลประโยชน์เข้าหาตนเอง จนไม่มีเวลาไปคิดพัฒนา เท่าที่ทำคือขายผ้าเอาหน้ารอดกันเป็นส่วนใหญ่ เว้นแต่มหาวิทยาลัยที่รักษาชื่อเสียงซึ่งอาจจะมีเพียงไม่กี่มหาวิทยาลัย
ค. การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการครูส่วนใหญ่ก็ใช้ระบบอุปถัมภ์ ทำให้ครูที่บรรจุกลายเป็นเครื่องมือของผู้บริหาร ในการพิทักษ์ตนเอง โดยใช้บุญคุณเป็นตัวแลกเปลี่ยน ทำให้ครูที่บรรจุมานั้นกลายเป็นครูที่ขาดอุดมการณ์ เพราะมัวแต่เอาใจผู้บริหาร และใครวิจารณ์ก็จะโกรธแทน และกลายเป็นองครักษ์พิทักษ์นายโดยปริยาย
ง.การจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่โปร่งใส และเป็นธรรม เพราะมีระบบผูกขาดในการเหมางาน เนื่องจากผู้บริหารได้รับประโยชน์จากค่าคอมมิชชั่น เช่นการสร้างตึก, การจัดซื้ออุปกรณ์ซึ่งบางครั้งไม่จำเป็นต้องซื้อบ่อย ๆ หรือการซื้อเก้าอี้โต๊ะคุณภาพต่ำ ต้องเปลี่ยนบ่อยครั้ง
จ. ระบบบริหารมหาวิทยาลัย ก่อให้เกิดการล๊อบบี้เพื่อแลกผลประโยชน์จนไม่ได้ตั้งใจดูแลคุณภาพ เพียงแต่ทำตามรูปแบบเท่านั้น เช่นการทำ TRF นั้นเป็นเพียงรูปแบบไม่สะท้อนคุณภาพ ทำให้ใครจะเขียนให้ดีอย่างไรก็ได้ แต่ในทางปฏิบัติไม่สามารถทราบได้ว่าได้สอนดีตามมาตรฐานหรือไม่?
ฉ.เกิดระบบสืบทอดทายาทการบริหารที่พยายามใช่พรรคพวกตนเอง เข้าดำรงตำแหน่งแทน ซึ่งอันนี้หากเป็นทายาทที่ดีก็พอรับได้ แต่หากเป็นคนไม่ดีแล้ว จะเป็นผลเสียต่อระบบการศึกษาเป็นอย่างมาก การจัดให้มีระบบเหมือน กพ.ที่มีการสอบบรรจุเพื่อแต่งตั้งบุคคลเป็นผู้บริหารจะดีกว่าระบบสรรหา เพราะระบบสรรหาเปิดช่องทางให้เิกิดการล๊อบบี้กันได้อย่างสบาย ทำให้ผู้บริหารก็พยายามล๊อบบี้เพื่อให้ลูกน้องของตนเองได้ดำรงตำแหน่ง ทำให้การบริหารงานขาดความเป็นมืออาชีพ เมื่อมีสอบทฤษฎีแล้วจึงมาสอบวิสัยทัศน์อีกครั้งหนึ่ง ก็จทำให้คนตื่นตัวในการศึกษาหลักการบริหารมหาวิทยาลัย หรืออาชีวศึกษา เพื่อเป็นข้าราชการมืออาชีพได้ ก็ยังดีกว่าระบบที่เป็นอยู่ ซึ่งจะบรรจุคนเหมาะสม ซึ่งพบว่าหลายครั้งขาดความเหมาะสม เพราะเปิดช่องทางระบบอุปถัมภ์เข้าไปชอนใชระบบได้
ช. การที่ผู้บริหารมีผลประโยชน์ในการจัดหลักสูตรมากเกินไป เช่นเป็นประธานกรรมการหลายหลักสูตร, หรือเป็นผู้ดูแลหลักสูตรมากโดยเฉพาะตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง ทำให้ผู้บริหารเข้าไปล้วงลูก และมีผลประโยชน์ทางการศึกษามากเกินไปมากกว่าเงินเดือน นอกจากนั้นยังมีการตอบแทนจากกรรมการสภามหาวิทยาลัยในการกำหนดเงินเดือนสูงให้แก่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยมากมาย ในขณะที่ครูอาจารย์ต้องสอนหนังสือกันหลังขดหลังแข็ง เงินเดือนก็น้อย
ซ. การจัดเก็บเงินผลประโยชน์มหาวิทยาลัยเป็นที่มาของรายได้ผู้บริหารมหาวิทยาลัย ที่ได้ผลประโยชน์จากการแบ่งกำไร เช่นหอพัก, ซุ้มอาหาร, ห้องอาหารมหาวิทยาลัย, น้ำดื่มจากภายนอก ทำให้มหาวิทยาลัยไม่ใช่แหล่งที่จะพัฒนาวิชาการอย่างจริงจัง แต่กลายเป็นแหล่งแสวงหาผลประโยชน์มากกว่า ทำให้คุณภาพโดยรวมเสียหาย
ฌ. จากการจัดการศึกษาระดับประถมศึกษา,มัธยมศึกษา, จนกระทั่งระดับอุดมศึกษา เมื่อมีการเน้นผลประโยชน์กันมากจนลืมคุณภาพทางการศึกษาแล้ว ก็จะกระทำต่อผลงานรัฐบาล, ต่อกระทรวงศึกษาธิการโดยรวม เพราะมัวแต่ให้ครูอาจารย์ทำงานประเภทเอกสารกันมากเกินไป แทนที่จะสนับสนุนการพัฒนาวิชาการ หรือการค้นคว้าความรู้ หรือเทคนิคการสอน รวมทั้งการสอนด้านคุณธรรม หรือระเบียบวินัย มิใช่มีแต่เรื่องการดูแลทรงผม แต่หมายถึงวินัยในการเข้าเรียน, วินัยในการตั้งใจเีรียน วินัยในการตั้งคำถามกับครูอาจารย์ โดยผู้สอนไม่โกรธ, ซึงตรงนี้หายไปมากทีเดียว
สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาโดยสังเขปดังนี้
ก. กระจายอำนาจในทุกระดับการศึกษา ควรมีระบบการตรวจสอบถ่วงดุลย์ตลอด แม้กระทั่งการมีสภาคณาจารย์และข้าราชการ ก็มีการแทรกแซงในการที่ผู้บริหารนำคนของตนเองเข้าไปอยู่ที่สภา และให้พยายามเลือกสรรเป็นประธานสภาคณาจารย์ก็มี
ข. สร้างแรงจูงใจในผลตอบแทน และสร้างเวทีแห่งโอกาสของครูอาจารย์ให้มีส่วนร่วม หรือมีบทบาทให้มากกว่านี้ ทุกวันนี้ครูอาจารย์กลายเป็นคนที่ต่ำต้อยด้อยค่า เพราะเกรงกลัวต่อการบริหารมหาวิทยาลัย การเลื่อนชั้นเลื่อนตำแหน่ง หรือการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งควรมีระบบคุณธรรม หากใช้ระบบนี้ เชื่อว่ากระทรวงศึกษาธิการจะได้รับชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ และในเวลาไม่กี่ปีก็จะทำให้คุณภาพการศึกษายกระดับในทุกระดับ ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนมาก ควรขจัดปัญหาเด็กใคร เส้นใคร ฯลฯ มาทำลายระบบการศึกษา
ค. การเปิดโอกาสให้ใช้บุคคลภายนอก มาสอนพิเศษ เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้โลกที่กว้างขวาง โดยพิจารณาจากภาระงาน เพราะบางคนสอนมาก แต่คุณภาพการสอนไม่ดี หรือเอาครูอาจารย์วุฒิไม่ตรง หรือสถาบันไม่เป็นที่ยอมรับมาสอน ทำให้คุณภาพของบัณฑิตลดลงไปอย่างเห็นเด่นชัด น่าจะมีสถาบันการวัดสมรรถนะของครูอาจารย์ โดยใช้เกณฑ์คือครูอาจารย์ประจำ 70% และอาจารย์พิเศษ 30 % เพราะมีการกีดกันครูอาจารย์ดี ๆ ไม่ได้ทำการสอน และมีการบรรจุครูที่เป็นพวกพ้อง และอาจไม่มีความสามารถในการสอน ทำให้แรงจูงใจของบุคลากรต่ำลง
ง. ให้รางวัลกับบุคคลที่ใช้เงินฝากเด็ก ที่รู้เบาะแส หรือรางวัลกับแก่ผู้ที่ชี้เบาะแสว่ามีการทุจริตในการรับเงินฝากเด็ก ก็จะช่วยลดอัตราได้มากทีเดียว
จ. ต้องมีคณะกรรมการปฏิรูปการศึกษาแบบเร่งด่วนระยะสั้น, ระยะปานกลาง และระยาว เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาทั้งระบบ เพื่อคุณภาพทางการศึกษา และเปิดโอกาสให้คนดีมีความสามารถเข้ามาทำงานในตำแหน่งผู้บริหาร และป้องกันมิให้ผู้บริหารที่มุ่งแต่ผลประโยชน์ส่วนตนเข้ามาใช้โอกาสตักตวงได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น