กุญแจสำคัญในการเข้าใจเผด็จการกัดดาฟี
เรียบเรียงโดย จอห์น คลาวน์
มุมมาร์ กัดดาฟี ประสบปัญหากับการท้าทายอำนาจเผด็จการของเขา โดยที่กองกำลังนาโต้ทำการถล่มด้วยระเบิดเหมือนห่าฝนที่เมืองตริโปลี ในขณะที่นักเผด็จการของซีเรียชื่อ บาชาร์-อัซซาด ได้สังหารชีวิตประชาชนมากกว่า 1,000 คนในการปราบปรามผู้ต่อต้านคัดค้าน และประธานาธิบดีอาลี อับดุลลาห์ ซาเลห์ได้ปฏิเสฐในการหาทางลดความรุนแรงจากความไม่สงบมาเป็นเวลาหลายเดือนเกือบจะนำไปสู่สงครามกลางเมือง คำถามก็คือว่าทำไมบุคคลเหล่านี้จึงต่อสู้อย่างหนักหน่วงเพื่อรักษาอำนาจ? ทำไมจึงไม่ถอนกำลังไปยังซาอุดิอารเบีย หรือเวเนซูเอล่าและเลิกติดยึดกับความร่ำรวยก่อนที่จะถูกสังหารชีวิตดังเช่นที่เกิดขึ้นกับประธานาธิบดี ฮอสนี่ มูบารัค
ความพยายามในการวิเคราะห์ความหมายเกี่ยวกับลักษณะเด่นทางจิตวิทยาของบุคคลที่เป็นนักเผด็จการ (dictatorship) ยังคงมีตัวอย่างให้เห็นได้ไม่ยาก แต่ในการบันทึกสาธารณะของนักเผด็จการจำนวนมาก ได้แก่สตาลิน, เหมา, ซัดดัม ฮุซเซน และกัดดาฟี สิ่งหนึ่งที่สามารถเห็นรูปแบบที่กำหนดบุคคลิกลักษณะผู้นำแบบเผด็จการ อย่างน้อยที่สุดต้้งแต่สำนักงานบริการยุทธศาสตร์ หรือเรียกว่า CIA
ได้รับมอบหมายให้ทำแฟ้มลับที่เรียกว่า "การวิเคราะห์จิตวิทยาของอดอล์ฟ ฮิตเล่อร์" ซึ่งได้ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1943 นักจิตวิทยาได้แสวงหาคำอธิบายเกี่ยวกับจิตใจของผู้นิยมอำนาจ (authoritarian mind)
ผลงานวิจัยใหม่ ๆ ได้นำให้เราได้มีความเข้าใจใกล้ชิดว่าผู้นำทำไมจึงเป็นเผด็จการ อย่างน้อยที่สุดมีคำอธิบายพฤติกรรมของนักเผด็จการอยู่สามประการดังนี้
1. นักเผด็จการเป็นโรคจิตหวาดระแวง (psychopaths)
นี่คือตัวอย่างที่ง่ายที่สุด และเป็นคำอธิบายทางจิตวิทยาของนักเผด็จการที่มีเสน่ห์ดึงดูด เช่นการให้การอุปถัมภ์ (helpful) อาการทางจิตหมายถึงการวิเคราะห์และคู่มือทางสถิติของสภาพไร้ระเบียบทางจิตภายใต้คำที่เรียกว่า "ความไร้ระเบียบทางบุคคลิกที่ต่อต้านสังคม" (antisocial personality disorder) ลักษณะเด่นของมันคือสิ่งที่อยู่ท่ามกลางคนอื่น ๆ เช่นมีกระทำที่ซ้ำซากที่มีพื้นฐานเน้นการจับกุมคุมขัง, ขอบเสแสร้ง, ขาดความสำนึกความผิด,มีแรงกระตุ้นและขาดความเห็นอกเห็นใจ (remorse)
เป็นการยากที่คิดว่านักเผด็จการไม่ได้แสดงความประพฤติต่างๆ เหล่านี้ ตัวอย่างเช่นนักเผด็จการไม่เพียงแต่โกหกคนอื่น ๆ ซึ่งเป็นสาระสำคัญเท่านั้นแต่ยังคงโกหกกับคนเหล่านั้นด้วย หากเป็นเช่นสตาลินเรียกว่าเป็นคนทรยศ มันไม่เพียงแต่เป็นจิตใจของคนอื่น ๆที่กำลังถูกบังคับกดขี่ ซึ่งเขียนโดยนักประวัติศาสตร์ออกซ์ฟอร์ดที่ชื่อบริการโรเบอร์ตในบรรณานุกรมของเผด็จการ ในทำนองเดียวกัน กัดดาฟีดูเหมือนจะเชื่อว่าไม่เพียงแต่การต่อต้านคัดค้านการปกครองของเขาเท่กัการต่อต้านในความอยู่รอดของลิเบีย แต่สิ่งนั้น ในฐานะเขาได้กล่าวโดยสรุปหลังจากการลุกฮือต่อต้านเกิดขึ้น "ประชาชนของข้าพเจ้าทุกคนเป็นของฉัน, พวกเขายินดีตายเพื่อปกป้องฉัน"
แต่พวกโรคจิตที่แท้จริง เมื่อคิดถึงนักสังหารคนอย่างต่อเนื่องคือจอห์น เวน เกซี่ ไม่เพียงแต่เขาจะโกหกพกลมและเป็นนักสังหารมนุษย์ที่ไม่มีรอยยิ้ม แต่เขาดูเหมือนว่าเขาจะอำมหิตไร้ความรู้สึก เกซี่ ยังคงใช้เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อทรมานบุคคลที่เป็นเหยื่อของเขาเป็นเวลาหลายชั่วโมง และมีการฟื้นฟูหลังจากเหยือของเขาได้ผ่านการลงโทษแล้ว ก่อนที่จะแสดงความเมตตาของการฆาตกรรมในท้ายที่สุด นักเผด็จการส่วนมากไม่ได้ดำเนินการอย่างโหดเหี้ยม แต่อย่างน้อยที่สุดไม่ใช่ในตัวบุคคล
สก๊อต แอทราน เป็นนักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนได้ทำการศึกษาผู้ชายที่มีความแข็งแรงรอบโลกเป็นเวลาสองทศวรรษ เขาได้พูดกับคาเลด เมชชาอัลออฟอามัส, อบับบาคาร์ บาอัสซีเออร์,กลุ่มทหารอาเชียตะวันออกเฉียงใต้ทีเรียกว่ากลุ่มเจมาห์ อิสลามียาห์, ฮาฟิส ซาอีดของ ลัชการ์ อี ไทบา กลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ดำเนินงานจากประเทศปากีสถาน และวิลเลียม เพียร์ซ อดีตผู้นำของขบวนการเคลื่อนไหวพวกขวาจัดในสหรัฐอเมริกา ไม่มีบุคคลในรัฐใด ๆ สามารถอธิบารคำว่าเผด็จการได้อย่างถูกต้อง แต่ทุกคนมีองค์การนำที่มีกล้ามเนื้อใหญ่โตและมักจะมีลีลาผู้นำที่อำมหิต
ข้อสรุปของแอดรานคือว่าให้กระตุ้นให้มีจริยธรรม, ไม่ใช่ใช้วิธีรุนแรง (sadism) หรือมึความละโมภ เป็นแรงขับของบุคลิกคนที่มีร่ายกายแข็งแรง เช่นฮิตเล่อร์ เขาจะชอบชี้มือ ปฏิเสธความเท่าเทียมของเงินหลายล้านดอลล่าร์ในการจ่ายค่าตอบแทนเพื่อลดชั้นสำหรับกลุ่มเล็กของชาวออสเตรียนซึ่งเป็นชาวยิวในฐานไม่ใช่ยิว ในทำนองเดียวกัน แอดรันและทีมงานของเขาได้ตีพิมพ์เอกสารอันเป็นหลักฐานกองพะเนินที่การปกครองของอิหรานละเลยต่อข้อเสนอสำคัญของการช่วยเหลือให้เกิดผลสุดท้ายของโปรแกรมนิวเคลียร์ออกจากคุณค่าความศักดิ์สิทธิ์ของความเป็นอิสระที่คนกล้าหาญเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการเกี่ยวกับบุคคล
2. นักเผด็จการเป็นโรคหลงตนเอง
ผู้นำแบบไม่ใช่เผด็จการจะใช้ลูกน้องโดยเพิ่มอำนาจกับสิ่งที่ต้องการ นักเผด็จการมักจัดเตรียมการดำรงชีวิตเพื่อว่าไม่มีใครสามารถเล่นบทบาทนี้ได้ "อะไรคือสิ่งที่ทำให้ฉันไม่มากในการมีอาการทางจิตภายในของผู้นำเหล่านี้ ยิ่งกว่านั้นทำอย่างไรอำนาจเบ็ดเสร็จสามารถเปลี่ยนแปลงพวกเขาได้ตลอดเวลา" กล่าวโดยแฟรงค์ ดิคอตเตอร์ในอีเมลล์ฉบับหนึ่ง ดิคอตเตอร์เป็นศาสตราจารย์ีที่มหาวิทยาลัยฮ่องกงและเป็นผู้ประพันธ์เกี่ยวกับ "ประธานเหมาผู้เผชิญอุปสรรคที่ย่ิงใหญ่แห่ง ประวัติศาสตร์ของการทำลายล้างของจีนอย่างมากที่สุด "เหมาอยู่ในอำนาจเป็นเวลานาน และต่อต้านสิ่งที่เลวร้ายและสิ่งที่เลวร้าย ในท้ายที่สุดเขาได้อาศัยอยู่ในซอกเล็ก ๆคล้ายรังไหม นักเผด็จการสูญเสียในความสามารถในการมองพวกที่มีปฏิกิริยาเหล่านั้น และความสัมพันธ์ระหว่างคนอื่น ๆเป็นไปอย่างแท้จริง ในปี ค.ศ.2003 เอกสารในวารสาร Psychology Review นักวิจัยสามคนนำโดยนายเดชเช่อร์ คีทเน่อร์ ของมหาวิทยาลัยคาลิฟอร์เนีย เบอร์คเล่ย มองไปที่การเปลี่ยนแปลงอำนาจแบบขั้นบันไปซึ่งเป็นการสร้างทางจิตวิทยาของผู้ที่มีความคิดแบบนี้ เขาพบว่าบุคคลที่ทรงพลังอำนาจเริ่มต้นเห็นโลกล้อมรอบตัวเขาในลักษณะที่เป็นวิถีทางที่เรียบง่ายและอัตโนมัติมากขึ้น
แต่มีต้นทุนทางประสาทวิทยาในการเพิกเฉยต่อสัจธรรมที่ล้อมรอบตัวเรา ดังเช่นในขอบเขตทางประสาทวิทยา ซึ่งเป็นส่วนเยื่อหุ้มสมอง เป็นที่เก็บอารมณ์ของเรา และเป็นที่ความรู้สึกของเราเกี่ยวกับการควบคุมตนเอง สามารถหยุดการกระทำหนาที่ได้อย่างแท้จริง หากไม่ได้นำไปใช้ตามปรกติ กัดดาฟี เกลี่ยคนเป็นร้อยหรือพันของตัวแทนที่ระบุว่าข่มขู่ในอำนาจของเขาและกำจัดเขา ในสิ่งนี้เขาคล้ายคลึงกับสตาลิน ที่กองพลาธิการความมั่นคงที่เรียกว่า NKVD ได้เคลื่อนย้ายต่อต้านในการปลูกฝังสังคมโซเวียตที่อาจต่อต้านเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งชนชั้นนำที่เตรียมการปฏิวัติที่มีมาก่อน จากอำนาจปลายกระบอกปืน นักต่อต้านการวิพากย์วิจารณ์ความจริงใด ๆ นักเผด็จการเริ่มต้นอาศัยในระบบพาพาลิมบิค ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวที่เขาเริ่มต้นที่จะส่งเสียงด้วยความบ้าคลั่งในปีถัดมา
ซัดดัม ฮุสเซนเป็นตัวอย่างทีีดี ตามที่รีนานา บรู้ค นักจิตวิทยาชาววอชิงตันที่เชี่ยวชาญในเรื่องอำนาจแฝงและการครอบงำ ฮุซเซนปฏิเสธในการหยุดวางอาวุธรวมที่เขามีอยู่ของการทำลายมวลชน แม้แต่ผู้วางระเบิดที่มีความพร้อมในแนวทางต่อแบกแดด "นักเผด็จการตั้งใจส่งเสริมจินตนาการของอำนาจส่วนบุคคล กล่าวโดยบรู๊ค "พวกเขาเห็นว่าตนเองเป็นวีรบุรุษ" ในเมือความรู้สึกของลัทธิคลั่งวีรบุรุษถูกท้าทาย เขาก็จะมีอาการหลงตัวเอง
3. นักเผด็จการมักจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือเป็นบุคคลที่ต่ำกว่าธรรมดาที่พัฒนาความไร้ระเบียบทางจิตใจในโอกาสพิเศษของการเข้ายึดครองอำนาจเบ็ดเสร็จ นักเผด็จการซิมบาบเว, ในคำอธิบายของโรเบอร์ต มูกาเบ ได้ปรากฎว่าเป็นนักบวชที่มีความสุภาพอ่อนน้อมในฐานะที่เป็นคนหนุ่ม ในขณะที่ ปีเตอร์ ก๊อดวิน ได้แสดงทัศนะของหนังสือในปี 2010 ที่เฉพาะเจาะจง คือ ความกลัว: โรเบอร์ต มูกาเบ้
และมาตี้ร์ดอม แห่งซิมแบบเว ผู้สนับสนุนในอดีตกล่าวว่าเมื่อมูกาเบ้เป็นหนุ่ม เขาไม่ใช่นักเผด็จการป่าเถื่อน แต่เขาเป็นผู้ฟังที่เอาใจใส่ซึ่งได้เกิดในตอนต้น ได้ทำให้ผลักดับเขาเติบโตขึ้นมา และไม่เคยดื่มเหล้า ทำอย่างไรผู้ชายจะกลับกลายเป็นพระ? ในจุดนี้ มันเป็นความพยายามในการอุทธรณ์ ลอร์ด แอคตัน และได้กล่าวว่าอำนาจเบ็ดเสร็จถูกยึดจากมูกาเบ้ แต่้อย่างไรที่แท้จริง? อะไรคือกลไกการครอบงำอำนาจ? ในเอกสารฉบับใหม่ที่เรียกว่า "อำนาจครอบงำได้อย่างไร" ทีนักจิตวิทยามมหาวิทยาลัยโคลัมเบียเสนอแนะว่าอำนาจไม่ได้เปลี่ยนแปลงจิตวิทยาของผู้ทรงพลังอำนาจ มากกว่าสรีรวิทยวา ผู้ประพันธ์นำโดย ดาน า คาร์เน่ย์ และทีมงานของหล่อนตั้งข้อสมมติฐานว่าเพราะว่าอำนาจนั้นง่ายต่อการทำให้เกิดความเครียดทุกวัน นักเผด็จการไม่เคยกังวลเกี่ยวกับการขับรถหรือการจ่ายเงินเพื่อจดจำนอง บุคคลที่ทรงพลังอำนาจจะแสดงถึงระดับของคอร์ติโซล ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ใกล้ชิดกับความเครียด
ในรูปแบบพฤติกรรมแบบอมตะ แม้แต่บาปประจำวันเช่นการโกหก คือสิ่งที่เต็มไปด้วยความเครียด นักเล่าเรื่องที่โกหกต้องกระตือรือร้นในการแอบซ่อนและกดดันทุกสิ่งทุกอย่างได้แก่ ความจริง, การติดตามผลภายในสิ่งที่ประกอบด้วยศิลธรรม, ปทัสถานทางสังคม, ความเกรงกลัวที่เป็นเรื่องสำคัญ และการพิจารณาผลประโยชน์ของคนอื่น ๆ "คาร์เน่ย์ และเพื่อนร่วมงานขอเขาเขียน "ความกดดันนำไปสู่อารมณ์ในเชิงลบ, เป็นการลดหน้าที่ทางด้านจิตใจ และความเครียดทางสรีรวิทยา แต่เมื่อพวกเขามีระดับคอร์ติซอลในระดับต่ำกว่า "ก็จะเต็มไปด้วยพลังอำนาจอย่างมากมายในทรัพยากรทางอารมณ์ และทรัพยากรทางการรับรู้ในการใช้ผู้ที่มีความเครียดในการนำเท่าที่พวกเขาแสดงขึ้น ในหนทางนี้ นักเผด็จการอาจจะกลับจะมีภูมิคุ้มกันต่อความเสียใจ เมื่อทีมโคลัมเบียได้ทำการทดสอบสมมติฐานในการดำเนินการวิจัยในห้องปฏิบัติการ พวกเขาพบว่าการศึกษาผู้มีส่วนร่วมที่กำหนดในสำนักงานใหญ่และแจ้งข่าวสารให้พวกเขาเป็นผู้จัดการที่ทำการตัดสินใจที่ยุ่งยากซึ่งมีความง่ายมากกว่าการให้แสดงบทบาทในการเป็นลูกน้อง ไม่เพียงแต่คะแนนกลุ่มของผู้มีอำนาจสูงในการวัดผลทางจิตวิทยาของความเครียด พวกเขายังมีระดับคอร์ติซอลที่ต่ำกว่าในตัวอย่างน้ำลาย ไม่มีอะไรในสิ่งนี้หมายถึงเราสามารถยกโทษนักเผด็จการในการก่ออาชญากรรม แต่สมองของเราไม่ได้ออกแบบอย่างง่ายดายในการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จในการกวัดแกว่งอำนาจเบ็ดเสร็จ นักเผด็จการอาจต่อสู้จนจบเพราะว่าพวกเขาไม่เข้าใจว่าจุดสิ้นสุดเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ กัดดาฟีควรลดตัวเองลงมาก่อนที่เขาจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง มูบารัคควรจะถอนกำลังก่อนที่เขาจะออกจากอียิปต์เมื่อสัปดาห์ก่อนที่เขาลาออก ฮิตเล่อร์เป็นผู้ที่ลักษณะทางการทหารที่เข็มแข็งมากเกินไป และอ่อนแอมากเกินไปในการเจรจาต่อรองทาง
นั่นคือเหตุผลว่าพวกเผด็จการเชิญชวนในการทำลายล้าง
มุมมาร์ กัดดาฟี ประสบปัญหากับการท้าทายอำนาจเผด็จการของเขา โดยที่กองกำลังนาโต้ทำการถล่มด้วยระเบิดเหมือนห่าฝนที่เมืองตริโปลี ในขณะที่นักเผด็จการของซีเรียชื่อ บาชาร์-อัซซาด ได้สังหารชีวิตประชาชนมากกว่า 1,000 คนในการปราบปรามผู้ต่อต้านคัดค้าน และประธานาธิบดีอาลี อับดุลลาห์ ซาเลห์ได้ปฏิเสฐในการหาทางลดความรุนแรงจากความไม่สงบมาเป็นเวลาหลายเดือนเกือบจะนำไปสู่สงครามกลางเมือง คำถามก็คือว่าทำไมบุคคลเหล่านี้จึงต่อสู้อย่างหนักหน่วงเพื่อรักษาอำนาจ? ทำไมจึงไม่ถอนกำลังไปยังซาอุดิอารเบีย หรือเวเนซูเอล่าและเลิกติดยึดกับความร่ำรวยก่อนที่จะถูกสังหารชีวิตดังเช่นที่เกิดขึ้นกับประธานาธิบดี ฮอสนี่ มูบารัค
ความพยายามในการวิเคราะห์ความหมายเกี่ยวกับลักษณะเด่นทางจิตวิทยาของบุคคลที่เป็นนักเผด็จการ (dictatorship) ยังคงมีตัวอย่างให้เห็นได้ไม่ยาก แต่ในการบันทึกสาธารณะของนักเผด็จการจำนวนมาก ได้แก่สตาลิน, เหมา, ซัดดัม ฮุซเซน และกัดดาฟี สิ่งหนึ่งที่สามารถเห็นรูปแบบที่กำหนดบุคคลิกลักษณะผู้นำแบบเผด็จการ อย่างน้อยที่สุดต้้งแต่สำนักงานบริการยุทธศาสตร์ หรือเรียกว่า CIA
ได้รับมอบหมายให้ทำแฟ้มลับที่เรียกว่า "การวิเคราะห์จิตวิทยาของอดอล์ฟ ฮิตเล่อร์" ซึ่งได้ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1943 นักจิตวิทยาได้แสวงหาคำอธิบายเกี่ยวกับจิตใจของผู้นิยมอำนาจ (authoritarian mind)
ผลงานวิจัยใหม่ ๆ ได้นำให้เราได้มีความเข้าใจใกล้ชิดว่าผู้นำทำไมจึงเป็นเผด็จการ อย่างน้อยที่สุดมีคำอธิบายพฤติกรรมของนักเผด็จการอยู่สามประการดังนี้
1. นักเผด็จการเป็นโรคจิตหวาดระแวง (psychopaths)
นี่คือตัวอย่างที่ง่ายที่สุด และเป็นคำอธิบายทางจิตวิทยาของนักเผด็จการที่มีเสน่ห์ดึงดูด เช่นการให้การอุปถัมภ์ (helpful) อาการทางจิตหมายถึงการวิเคราะห์และคู่มือทางสถิติของสภาพไร้ระเบียบทางจิตภายใต้คำที่เรียกว่า "ความไร้ระเบียบทางบุคคลิกที่ต่อต้านสังคม" (antisocial personality disorder) ลักษณะเด่นของมันคือสิ่งที่อยู่ท่ามกลางคนอื่น ๆ เช่นมีกระทำที่ซ้ำซากที่มีพื้นฐานเน้นการจับกุมคุมขัง, ขอบเสแสร้ง, ขาดความสำนึกความผิด,มีแรงกระตุ้นและขาดความเห็นอกเห็นใจ (remorse)
เป็นการยากที่คิดว่านักเผด็จการไม่ได้แสดงความประพฤติต่างๆ เหล่านี้ ตัวอย่างเช่นนักเผด็จการไม่เพียงแต่โกหกคนอื่น ๆ ซึ่งเป็นสาระสำคัญเท่านั้นแต่ยังคงโกหกกับคนเหล่านั้นด้วย หากเป็นเช่นสตาลินเรียกว่าเป็นคนทรยศ มันไม่เพียงแต่เป็นจิตใจของคนอื่น ๆที่กำลังถูกบังคับกดขี่ ซึ่งเขียนโดยนักประวัติศาสตร์ออกซ์ฟอร์ดที่ชื่อบริการโรเบอร์ตในบรรณานุกรมของเผด็จการ ในทำนองเดียวกัน กัดดาฟีดูเหมือนจะเชื่อว่าไม่เพียงแต่การต่อต้านคัดค้านการปกครองของเขาเท่กัการต่อต้านในความอยู่รอดของลิเบีย แต่สิ่งนั้น ในฐานะเขาได้กล่าวโดยสรุปหลังจากการลุกฮือต่อต้านเกิดขึ้น "ประชาชนของข้าพเจ้าทุกคนเป็นของฉัน, พวกเขายินดีตายเพื่อปกป้องฉัน"
แต่พวกโรคจิตที่แท้จริง เมื่อคิดถึงนักสังหารคนอย่างต่อเนื่องคือจอห์น เวน เกซี่ ไม่เพียงแต่เขาจะโกหกพกลมและเป็นนักสังหารมนุษย์ที่ไม่มีรอยยิ้ม แต่เขาดูเหมือนว่าเขาจะอำมหิตไร้ความรู้สึก เกซี่ ยังคงใช้เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อทรมานบุคคลที่เป็นเหยื่อของเขาเป็นเวลาหลายชั่วโมง และมีการฟื้นฟูหลังจากเหยือของเขาได้ผ่านการลงโทษแล้ว ก่อนที่จะแสดงความเมตตาของการฆาตกรรมในท้ายที่สุด นักเผด็จการส่วนมากไม่ได้ดำเนินการอย่างโหดเหี้ยม แต่อย่างน้อยที่สุดไม่ใช่ในตัวบุคคล
สก๊อต แอทราน เป็นนักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนได้ทำการศึกษาผู้ชายที่มีความแข็งแรงรอบโลกเป็นเวลาสองทศวรรษ เขาได้พูดกับคาเลด เมชชาอัลออฟอามัส, อบับบาคาร์ บาอัสซีเออร์,กลุ่มทหารอาเชียตะวันออกเฉียงใต้ทีเรียกว่ากลุ่มเจมาห์ อิสลามียาห์, ฮาฟิส ซาอีดของ ลัชการ์ อี ไทบา กลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ดำเนินงานจากประเทศปากีสถาน และวิลเลียม เพียร์ซ อดีตผู้นำของขบวนการเคลื่อนไหวพวกขวาจัดในสหรัฐอเมริกา ไม่มีบุคคลในรัฐใด ๆ สามารถอธิบารคำว่าเผด็จการได้อย่างถูกต้อง แต่ทุกคนมีองค์การนำที่มีกล้ามเนื้อใหญ่โตและมักจะมีลีลาผู้นำที่อำมหิต
ข้อสรุปของแอดรานคือว่าให้กระตุ้นให้มีจริยธรรม, ไม่ใช่ใช้วิธีรุนแรง (sadism) หรือมึความละโมภ เป็นแรงขับของบุคลิกคนที่มีร่ายกายแข็งแรง เช่นฮิตเล่อร์ เขาจะชอบชี้มือ ปฏิเสธความเท่าเทียมของเงินหลายล้านดอลล่าร์ในการจ่ายค่าตอบแทนเพื่อลดชั้นสำหรับกลุ่มเล็กของชาวออสเตรียนซึ่งเป็นชาวยิวในฐานไม่ใช่ยิว ในทำนองเดียวกัน แอดรันและทีมงานของเขาได้ตีพิมพ์เอกสารอันเป็นหลักฐานกองพะเนินที่การปกครองของอิหรานละเลยต่อข้อเสนอสำคัญของการช่วยเหลือให้เกิดผลสุดท้ายของโปรแกรมนิวเคลียร์ออกจากคุณค่าความศักดิ์สิทธิ์ของความเป็นอิสระที่คนกล้าหาญเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการเกี่ยวกับบุคคล
2. นักเผด็จการเป็นโรคหลงตนเอง
ผู้นำแบบไม่ใช่เผด็จการจะใช้ลูกน้องโดยเพิ่มอำนาจกับสิ่งที่ต้องการ นักเผด็จการมักจัดเตรียมการดำรงชีวิตเพื่อว่าไม่มีใครสามารถเล่นบทบาทนี้ได้ "อะไรคือสิ่งที่ทำให้ฉันไม่มากในการมีอาการทางจิตภายในของผู้นำเหล่านี้ ยิ่งกว่านั้นทำอย่างไรอำนาจเบ็ดเสร็จสามารถเปลี่ยนแปลงพวกเขาได้ตลอดเวลา" กล่าวโดยแฟรงค์ ดิคอตเตอร์ในอีเมลล์ฉบับหนึ่ง ดิคอตเตอร์เป็นศาสตราจารย์ีที่มหาวิทยาลัยฮ่องกงและเป็นผู้ประพันธ์เกี่ยวกับ "ประธานเหมาผู้เผชิญอุปสรรคที่ย่ิงใหญ่แห่ง ประวัติศาสตร์ของการทำลายล้างของจีนอย่างมากที่สุด "เหมาอยู่ในอำนาจเป็นเวลานาน และต่อต้านสิ่งที่เลวร้ายและสิ่งที่เลวร้าย ในท้ายที่สุดเขาได้อาศัยอยู่ในซอกเล็ก ๆคล้ายรังไหม นักเผด็จการสูญเสียในความสามารถในการมองพวกที่มีปฏิกิริยาเหล่านั้น และความสัมพันธ์ระหว่างคนอื่น ๆเป็นไปอย่างแท้จริง ในปี ค.ศ.2003 เอกสารในวารสาร Psychology Review นักวิจัยสามคนนำโดยนายเดชเช่อร์ คีทเน่อร์ ของมหาวิทยาลัยคาลิฟอร์เนีย เบอร์คเล่ย มองไปที่การเปลี่ยนแปลงอำนาจแบบขั้นบันไปซึ่งเป็นการสร้างทางจิตวิทยาของผู้ที่มีความคิดแบบนี้ เขาพบว่าบุคคลที่ทรงพลังอำนาจเริ่มต้นเห็นโลกล้อมรอบตัวเขาในลักษณะที่เป็นวิถีทางที่เรียบง่ายและอัตโนมัติมากขึ้น
แต่มีต้นทุนทางประสาทวิทยาในการเพิกเฉยต่อสัจธรรมที่ล้อมรอบตัวเรา ดังเช่นในขอบเขตทางประสาทวิทยา ซึ่งเป็นส่วนเยื่อหุ้มสมอง เป็นที่เก็บอารมณ์ของเรา และเป็นที่ความรู้สึกของเราเกี่ยวกับการควบคุมตนเอง สามารถหยุดการกระทำหนาที่ได้อย่างแท้จริง หากไม่ได้นำไปใช้ตามปรกติ กัดดาฟี เกลี่ยคนเป็นร้อยหรือพันของตัวแทนที่ระบุว่าข่มขู่ในอำนาจของเขาและกำจัดเขา ในสิ่งนี้เขาคล้ายคลึงกับสตาลิน ที่กองพลาธิการความมั่นคงที่เรียกว่า NKVD ได้เคลื่อนย้ายต่อต้านในการปลูกฝังสังคมโซเวียตที่อาจต่อต้านเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งชนชั้นนำที่เตรียมการปฏิวัติที่มีมาก่อน จากอำนาจปลายกระบอกปืน นักต่อต้านการวิพากย์วิจารณ์ความจริงใด ๆ นักเผด็จการเริ่มต้นอาศัยในระบบพาพาลิมบิค ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวที่เขาเริ่มต้นที่จะส่งเสียงด้วยความบ้าคลั่งในปีถัดมา
ซัดดัม ฮุสเซนเป็นตัวอย่างทีีดี ตามที่รีนานา บรู้ค นักจิตวิทยาชาววอชิงตันที่เชี่ยวชาญในเรื่องอำนาจแฝงและการครอบงำ ฮุซเซนปฏิเสธในการหยุดวางอาวุธรวมที่เขามีอยู่ของการทำลายมวลชน แม้แต่ผู้วางระเบิดที่มีความพร้อมในแนวทางต่อแบกแดด "นักเผด็จการตั้งใจส่งเสริมจินตนาการของอำนาจส่วนบุคคล กล่าวโดยบรู๊ค "พวกเขาเห็นว่าตนเองเป็นวีรบุรุษ" ในเมือความรู้สึกของลัทธิคลั่งวีรบุรุษถูกท้าทาย เขาก็จะมีอาการหลงตัวเอง
3. นักเผด็จการมักจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือเป็นบุคคลที่ต่ำกว่าธรรมดาที่พัฒนาความไร้ระเบียบทางจิตใจในโอกาสพิเศษของการเข้ายึดครองอำนาจเบ็ดเสร็จ นักเผด็จการซิมบาบเว, ในคำอธิบายของโรเบอร์ต มูกาเบ ได้ปรากฎว่าเป็นนักบวชที่มีความสุภาพอ่อนน้อมในฐานะที่เป็นคนหนุ่ม ในขณะที่ ปีเตอร์ ก๊อดวิน ได้แสดงทัศนะของหนังสือในปี 2010 ที่เฉพาะเจาะจง คือ ความกลัว: โรเบอร์ต มูกาเบ้
และมาตี้ร์ดอม แห่งซิมแบบเว ผู้สนับสนุนในอดีตกล่าวว่าเมื่อมูกาเบ้เป็นหนุ่ม เขาไม่ใช่นักเผด็จการป่าเถื่อน แต่เขาเป็นผู้ฟังที่เอาใจใส่ซึ่งได้เกิดในตอนต้น ได้ทำให้ผลักดับเขาเติบโตขึ้นมา และไม่เคยดื่มเหล้า ทำอย่างไรผู้ชายจะกลับกลายเป็นพระ? ในจุดนี้ มันเป็นความพยายามในการอุทธรณ์ ลอร์ด แอคตัน และได้กล่าวว่าอำนาจเบ็ดเสร็จถูกยึดจากมูกาเบ้ แต่้อย่างไรที่แท้จริง? อะไรคือกลไกการครอบงำอำนาจ? ในเอกสารฉบับใหม่ที่เรียกว่า "อำนาจครอบงำได้อย่างไร" ทีนักจิตวิทยามมหาวิทยาลัยโคลัมเบียเสนอแนะว่าอำนาจไม่ได้เปลี่ยนแปลงจิตวิทยาของผู้ทรงพลังอำนาจ มากกว่าสรีรวิทยวา ผู้ประพันธ์นำโดย ดาน า คาร์เน่ย์ และทีมงานของหล่อนตั้งข้อสมมติฐานว่าเพราะว่าอำนาจนั้นง่ายต่อการทำให้เกิดความเครียดทุกวัน นักเผด็จการไม่เคยกังวลเกี่ยวกับการขับรถหรือการจ่ายเงินเพื่อจดจำนอง บุคคลที่ทรงพลังอำนาจจะแสดงถึงระดับของคอร์ติโซล ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ใกล้ชิดกับความเครียด
ในรูปแบบพฤติกรรมแบบอมตะ แม้แต่บาปประจำวันเช่นการโกหก คือสิ่งที่เต็มไปด้วยความเครียด นักเล่าเรื่องที่โกหกต้องกระตือรือร้นในการแอบซ่อนและกดดันทุกสิ่งทุกอย่างได้แก่ ความจริง, การติดตามผลภายในสิ่งที่ประกอบด้วยศิลธรรม, ปทัสถานทางสังคม, ความเกรงกลัวที่เป็นเรื่องสำคัญ และการพิจารณาผลประโยชน์ของคนอื่น ๆ "คาร์เน่ย์ และเพื่อนร่วมงานขอเขาเขียน "ความกดดันนำไปสู่อารมณ์ในเชิงลบ, เป็นการลดหน้าที่ทางด้านจิตใจ และความเครียดทางสรีรวิทยา แต่เมื่อพวกเขามีระดับคอร์ติซอลในระดับต่ำกว่า "ก็จะเต็มไปด้วยพลังอำนาจอย่างมากมายในทรัพยากรทางอารมณ์ และทรัพยากรทางการรับรู้ในการใช้ผู้ที่มีความเครียดในการนำเท่าที่พวกเขาแสดงขึ้น ในหนทางนี้ นักเผด็จการอาจจะกลับจะมีภูมิคุ้มกันต่อความเสียใจ เมื่อทีมโคลัมเบียได้ทำการทดสอบสมมติฐานในการดำเนินการวิจัยในห้องปฏิบัติการ พวกเขาพบว่าการศึกษาผู้มีส่วนร่วมที่กำหนดในสำนักงานใหญ่และแจ้งข่าวสารให้พวกเขาเป็นผู้จัดการที่ทำการตัดสินใจที่ยุ่งยากซึ่งมีความง่ายมากกว่าการให้แสดงบทบาทในการเป็นลูกน้อง ไม่เพียงแต่คะแนนกลุ่มของผู้มีอำนาจสูงในการวัดผลทางจิตวิทยาของความเครียด พวกเขายังมีระดับคอร์ติซอลที่ต่ำกว่าในตัวอย่างน้ำลาย ไม่มีอะไรในสิ่งนี้หมายถึงเราสามารถยกโทษนักเผด็จการในการก่ออาชญากรรม แต่สมองของเราไม่ได้ออกแบบอย่างง่ายดายในการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จในการกวัดแกว่งอำนาจเบ็ดเสร็จ นักเผด็จการอาจต่อสู้จนจบเพราะว่าพวกเขาไม่เข้าใจว่าจุดสิ้นสุดเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ กัดดาฟีควรลดตัวเองลงมาก่อนที่เขาจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง มูบารัคควรจะถอนกำลังก่อนที่เขาจะออกจากอียิปต์เมื่อสัปดาห์ก่อนที่เขาลาออก ฮิตเล่อร์เป็นผู้ที่ลักษณะทางการทหารที่เข็มแข็งมากเกินไป และอ่อนแอมากเกินไปในการเจรจาต่อรองทาง
นั่นคือเหตุผลว่าพวกเผด็จการเชิญชวนในการทำลายล้าง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น