ความหวังแห่งอนาคตเกี่ยวกับทุนมนุษย์
คนเราส่วนมากในยุคคนทำงานฝ่ายบุคลากรในยุคต้น ๆ ดูแล้วเป็นคนดี พวกเขาไม่ได้เน้นเรื่องธุรกิจเลย และได้รับอิทธิพลในสิ่งที่พวกเขากระทำและวิธีการที่เขาได้กระทำ ในขณะที่ฝ่ายจัดการได้สังเกตรูปแบบการบริหารงานต่าง ๆ จึงได้หันกลับมามีความเชื่อว่าสิ่งนี้เป้นสิ่งที่ฝ่ายบุคลากรควรเป็นไปในอนาคต ซึ่งได้กล่าวมาแล้วตอนต้น ฝ่ายบุคลากรหลายคนยังคงทำงานในฐานะฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ เมื่อปีที่่ผ่านมาผู้เขียนได้นั่งอยู่กับโต๊ะตัวหนึ่งรายล้อมด้วยสตรีจำนวนมากจากการสำรวจของบริษัท 500 บริษัทโดยวารสารฟอร์จูน และได้ไต่ถามพวกเขาเกี่ยวกับกิจกรรมที่่เขาทำอยู่ในปัจจุบัน มีสตรีคนหนึ่งอาสาขึ้นมาพูดว่าบริษัทเพิ่งได้รับชัยชนะในการทำสัญญาที่สำคัญกับรัฐบาล ที่กำลังดำเนินการเกี่ยวกับการสื่อสารดาวเทียม และแล้วหล่อนได้หันหลังไปหาเพื่อนร่วมงานของเขาและถามว่ามันคือสัญญาอะไร? สตรีคนนั้นตอบว่า "ฉันไม่รู้ ฉันพยายามที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับบริษัทนี้"
ในระหว่างทศวรรษเมื่อปี ค.ศ.1990 วิชาชีพทางด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์สายพันธ์ใหม่เริ่มต้นเกิดขึ้นซึ่งไม่เหมือนกับรุ่นก่อน ๆ ทั้งผุ้ชายและผู้หญิงมุ่งเน้นไปยังการมีส่วนร่วมในธุรกิจ ส่วนมากจบปริญญาทางด้านธุรกิจ บางคนจบปริญญาโทบริหารธุรกิจสาขาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ (ซึ่งคำนี้ดูเหมือนว่าจะถูกตัดออกไป) พวกเขาใช้คอมพิวเตอร์ตั้งแต่ระดับอุดมศึกษา และพวกเขารู้ถึงวิธีการจัดการกับตัวเลข เขามองที่ทำงานเหมือนสถานที่เรียนรู้, เติบโต,ทุ่มเทเสียสละ และได้รับความร่ำรวย ในครั้งอดีตที่ผ่านมาเมื่อคนส่วนมากในสำนักงานฝ่ายบุคลากรมักล้มเหลว ฝ่ายบุคลากรสายงานหลักหรือพนักงานประชาสงเคราะห์ซึ่งมีชีวิตอยู่กับการทำงานกับคน ทรัพยากรมนุษย์จึงได้รับการปลุกกระแสจากคนรุ่นใหม่ในวิชาชีพที่เน้นธุรกิจ พวกเขาคือบุคคลที่ไม่เชื่อต่อไปอีกแล้วที่มีคำกล่าวว่า "คุณไม่สามารถวัดผลในสิ่งที่คุณทำลงไป" หลังจากหลายทศวรรษที่ผ่านไปของข้อโต้แย้งนี้ เดี๋ยวนี้เกือบทุกคนยอมรับว่ามันเป็นไปได้ในการวัดผลเชิงปริมาณในมุลค่าทางเศรษฐกิจของการปฏิบัติหน้าที่ด้านทรัพยากรมนุษย์
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ได้เข้ามาโหมกระหน่ำในปี ค.ศ. 1990 บริษัทเช่นพีเพิ้ลซอฟท์ และแซพ ได้ออกแบบระบบข่าวสารข้อมูลทางด้านทรัพยากรมนุษย์ด้วยจุดเด่นทางด้านการวิเคราะห์การรายงาน สมรรถนะคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลได้ทำให้เกิดผลดีในซอฟท์แวร์ใหม่ ๆ ช่วยให้ผู้จัดการและเพื่อนร่วมงานในทุกแผนกฝ่ายก้าวไปสู่ระบบควอนตัม (รังสี)ในผลผลิตดุจเดียวกันกับความเข้าใจในธุรกิจ การเพิ่มที่เก็บข้อมูลของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทำให้การปฏิบัติงานในทุกวันนี้เก็บบันทึกไว้ในเดสก์ทอป สิ่งนี้ตามไปด้วยการแปลผลข้อมูล,การเผยแพร่ข้อมูล, และเครื่องมือในการตีพิมพ์ในเดสก์ทอปทำให้ทุกคนมีอำนาจในการรวบรวม,ครอบครอง,แสดงผล,และรายงานข้อมูล ความเติบโตที่ผลิบานอย่างรวดเร็วของอินเตอร์เน็ตและการพัฒนาของเบราเซ่อร์ในกลางทศวรรษที่เชื่อมโยงติดต่อกับทุกคนได้ และทำให้มีความสามารถในการสื่อสารทั้งกระบวนการและผลลัพธ์ การจัดการที่เห็นแจ้งนี้ได้ช่วยให้การเข้าถึงการบันทึกในออนไลน์เช่นเดียวกันกับความหลากหลายของบริการออนไลน์ด้วยตนเอง
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้เคลื่อนย้ายไปสู่กำแพงสุดท้ายต่อการสร้างความน่าเชื่อถือทางการเงินสำหรับฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ ปัจจุบันนี้เป็นเรื่องง่ายมากสำหรับทรัพยากรมนุษย์ในการดำเนินการทางธุรกิจมากกว่าเป็นศูนย์ค่าใช้่จ่าย ตามความเป็นจริง ทรัพยากรมนุษย์สามารถแสดงถึงวิธีการที่กิจกรรมของทรัพยากรมนุษย์สามารถสนองตอบรายได้หรือลดรายจ่าย กล่าวคือในฐานะที่คุณเดินผ่านไปยังแผนกต่าง ๆ คุณจะพบว่ามากกว่า 100 เมตรที่่คุณสามารถเดินได้ พวกเขาจะช่วยให้คุณเข้าใจได้เป็นอย่างดีว่าคุณกำลังทำอะไร และทำรายงานให้ผู้บริหารระดับสุงอย่างน่าสนใจ
พลังสนับสนุนจากฝ่ายจัดการระดับสูง
เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ผู้จัดการอาวุโสเริ่มต้นในการเอาใจใส่ต่อหน้าที่ทรัพยากรมนุษย์
ทัศนคติแนวใหม่เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความได้เปรียบทางเศรษฐกิจได้มากที่สุดในฐานะที่เป็นการใช้ความเป็นมนุษยนิยม ซึ่งเป็นที่รับรู้อย่างดีในการขาดแคลนคนเก่งในทุกระดับ ฝ่ายจัดการเริ่มต้นยอมรับความจริงที่ว่าบุคลากรเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ บุคคลที่มีความสามารถ ได้รับแรงจูงใจเป็นคนไร้ค่าและไม่สามารถมีอะไรมาแลกเปลี่ยนได้ จึงมีความเชื่อมาเป็นเวลาเนิ่นนาน ด้วยเหตุผลที่ตระหนักรู้อย่างแอบแฝง ทรัพยากรมนุษย์จึเป็นทั้งการได้รับแรงสนับสนุนและได้รับสิ่งท้าทาย ฝ่ายจัดการมักจะมองสิ่งที่พอใจโปรดปรานโดยมองข้ามข้อเรียกร้องเรื่องทุนสนับสนุนหรือบุคลากรมากกว่าสิ่งที่มีอยู่ในอดีต โดยตอบสนองฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ให้สร้างข้อสันนิษฐานทางคุณค่าที่อยู่นอกเหนือเพียงแต่การแสดงผลเท่านั้น เมื่อเร็ว ๆนี้ฝ่ายจัดการได้เริ่มต้นผลักดันเพื่อดูผลตอบแทนจากการลงทุนที่อยู่เหนือลมปากจากอัตวิสัยเท่านั้น ดังนั้นข่าวดีนี้ได้ทำให้เกิดกับการสร้างราคา และโชคดีที่นักบริหารทรัพยากรมนุษย์วิชาชีพกำลังแสวงหาราคาที่ยอมรับได้และภายในสิ่งที่สามารถบรรลุผลสำเร็จได้
ความคิดประการแรกคือ "หากปราศจากข้อมูลที่เราพึงมี สิ่งนั้นก็เป็นเพียงความคิดเห็นเท่านั้น"
โดยสรุป ตามทัศนะของบ๊อบ ได้แลน กล่าวไว้ในปี ค.ศ. 1960 ว่า "ยุคสมัยที่ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์กำลังเปลี่ยนแปลง" องค์การไม่สามารถซื้อการสนับสนุนจากบุคลากรได้อีกต่อไปสำหรับบุคคลที่ไม่สามารถอุทิศตัวอย่างชัดเจนในเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของธุรกิจ ฝ่ายจัดการระดับสูงเพียงแต่มีโอกาสอยู่สองโอกาส โอกาสแรกคือการเปลี่ยนทรัพยากรมนุษย์ไปสู่หน้าที่การเติมเต็มคุณค่า และโอกาสประการที่สองคือการจ้างเหมาบริการและจ่ายค่าบริการเท่าที่จำเป็นเฉพาะเท่านั้น
ข่าวดีก็คือว่าทุกฝ่ายกำลังเข้ามาร่วมกันแสวงหาในการสร้างองค์การที่ประสิทธิภาพและสร้างความมีน้ำใจมากขึ้น วัฒนธรรมทางธุรกิจ, ภาวะผู้นำ, และการพัฒนามนุษย์กำลังมีแนวโน้มเอียงเข้าไปสู่ความคิดเกี่ยวกับสถานที่ทำงานที่ดีและการเลือกนายจ้าง ธุรกิจของศตวรรษที่ 21 มีพันธะสัญญาที่มีประสบการณ์ที่ดีกว่า, ด้วยโอกาสที่ขึ้นอยู่กับผลงานและรางวังที่มีการกระจายไปสู่การทุ่มเทการทำงานที่สามารถวัดผลเป็นตัวเลขทั้งทางด้านเป้าหมายการเงินและมนุษย์
จาก การแปลเรียบเรียงในเอกสารตำราที่ชื่อ "How to Measure Human Resource Management" โดย Jac Fitz-enz และ Barbara Davidson"
ในทัศนะของผุ้เรียบเรียงมีข้อสรุปเชิงประยุกต์ว่าหากเป็นการทำงานของภาครัฐควรมีการวัดผลประสิทธิภาพที่เป็นตัวเลขมากกว่าการแสดงความคิดเห็นแต่เพียงอย่างเดียว เช่นการรัฐประหารนั้นทำให้เกิดผลเสียหายแก่ประเทศชาติเป็นตัวเลขเท่าใด, นักลงทุนหนีการลงทุนไปเท่าใด,การท่องเที่ยวหดหายไปเท่าใด, สังคมมีความตกต่ำหรือขาดความสุขมากน้อยเท่าใด, ค่าสูญเสียโอกาสในการที่ประเทศจะเดินหน้าไปคิดเป็นเงินเท่าใด สิ่งนี้ก็จะทำให้บุคคลที่คิดทำการไม่ดีก็จะฉุกคิดว่าสิ่งที่เขากำลังจะดำเนินการไปอาจเป็นการทำลายบ้านเมืองให้เสียหาย และกลายเป็นบาปติดตัวยากแก่การเยียวยาได้ในท้ายที่สุด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น