บทความ

รัฐประหารคือตัวการบ่อนทำลายของบ้านเมือง

           ปัจจุบันประเทศที่มีการรัฐประหาร (Coup de t'at) นั้นแทบจะไม่มีให้เห็นประกฎ เพราะการรัฐประหารนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยอาจเอื้อประโยชน์ให้กับบุคคลบางกลุ่ม,บางพรรคการเมือง,และเป็นช่องทางนำไปสู่การทุจริตคอรัปชั่น เช่นการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่ราคาแพงผิดปกติทำให้ผลประโยชน์ของชาติที่จะนำไปพัฒนาประชาชนในชาติเสียหาย กลับไปได้รับผลประโยชน์เพียงคนบางกลุ่ม รวมทั้งไปอยู่เบื้องหลังพรรคการเมืองที่ไม่ได้รักประชาธิปไตย แต่นิยมเผด็จการทำให้ชาติเสียหาย และต่างประเทศไม่ยอมรับ รวมทั้งภาพพจน์ประเทศเสียหายเป็นอย่างมาก  การรัฐประหารที่แท้จริงประชาชนส่วนมากไม่เห็นด้วย รวมทั้งกลุ่มนักวิชาการ,นักวิชาชีพ,นักธุรกิจ และประชาชนทุกระดับไม่มีใครเห็นด้วย    ดังนั้นผู้ที่ทำหน้าที่เป็นทหารควรศึกษาการเมืองประชาธิปไตยอย่างลึกซึ้ง และสร้างจิตใจประชาธิปไตยเพื่อทำให้ทหารต้องระวังไม่ปฏิบัิติตามผู้นำทหารที่มีจิตใจเผด็จการ หรือไม่ได้รักประชาชน และปรารถนาจะให้มีการปกครองแบบประชาธิปไตย   กระแสกดดันยิ่งเกิดมาก ๆ ทำให้ประชาชนอาจลุกฮือต่อต้านครั้งยิ่งใหญ่ก็เป็นได้   การรัฐประหารของไทยทำลายสถิติความเป็นนักเผด็จการถึง

ร่วมกันเป็นหูเป็นตาเพื่อจับโกงการเลือกตั้ง

       การโกงเลือกตั้งเป็นเรื่องของการพยายามเอาชนะคะคานที่คนกลุ่มหนึ่งพยายามเอาชนะอีกฝ่ายหนึ่ง ทำให้บุคคลที่ทำหน้าที่อาจไม่เป็นกลาง หรือเอนเอียงเข้าข้างซึ่งเป็นเรื่องอันตรายต่อการโกงการเลือกตั้ง  ตั้งแต่การพิมพ์บัตรเลือกตั้ง, การจัดคูหาเลือกตั้ง, การตั้งกรรมการ กกต., การจัดเจ้าหน้าที่ดูแลการเลือกตั้ง    การโกงกันมักเกิดขึ้นโดยทั่วไปซึ่งทำให้การล๊อบบี้เพื่อการโกงอาจเกิดขึ้นได้ในทุกกระบวนการเลือกตั้ง ซึ่งควรมีองค์กรตรวจสอบโดยภาคประชาชนเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ทั้งกระบวนการ เพราะการที่สังคมเน้นผลประโยชน์ทำให้คนเรามีกิเลสในการเอาชนะคะคานไปในทางที่ไม่ดี และบุคคลที่มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมกันกับนักการเมือง หรือเชียร์ข้างพรรคใดพรรคหนึ่ง ทำให้กระบวนการเลือกตั้งอาจมีปัญหา และเป็นที่สงสัยต่อประชาชน  ซึ่งควรมีขั้นตอนการทำโมเดลในการตรวจสอบ ดังนี้                 - ตรวจสอบบัตรเลือกตั้งถูกต้องหรือไม่ มีการทำบัตรเลือกตั้งให้ความได้เปรียบเสียเปรียบหรือไม่                -  การแต่งตั้งกรรมการดูแลการเลือกตั้งนั้นเป็นกลางหรือไม่ มีบุคคลเข้าข่ายเป็นที่สงสัยหรือไม่                - การจัดคูหาการเล

ผู้นำหรือชนชั้นนำ ควรใช้หลักการบริหารทรัพยากรมนุษย์มาใช้ประโยชน์

        จากการพิจารณาของนักปกครอง หรือชนชั้นนำไทยในขณะนี้พบว่าบุคคลที่เป็นผู้นำยังขาดภาวะผู้นำค่อนข้างมาก   ซึ่งจะสังเกตุว่าการเมืองไทยก็มักจะมีการใส่ร้ายป้ายสีกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ประชาชนทั้งหลายมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อความเป็นผู้นำ ซึ่งแสดงว่าวิธีการคัดเลือกผู้นำของสังคมไทยยังอ่อนแอค่อนข้างมาก   กลายเป็นว่าคนเก่งแต่การพูดประทะคารมไปวันหนึ่ง ๆนั้นไม่ได้ช่วยให้ประเทศเดินหน้าไปอย่างดี กลับกลายเป็นวาทะกรรมที่ไม่ให้ความสำคัญของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง   บุคคลที่เป็นผู้นำไม่ควรสร้างความวุ่นวาย หรือการเสียดสีต่อว่าแทนที่ผู้นำจะเป็นผู้สร้างความสงบ หรือสันติสุขของประเทศกลับเป็นว่าเป็นการสร้างศัตรูกับทุกฝ่าย ไม่ว่าคนในชาติ รวมทั้งต่างประเทศ รวมทั้งการทำหน้าที่บทบาทของผู้นำในแง่การประชาสัมพันธ์ที่ดี ทำให้ประเทศวุ่นวายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และกลายเป็นเหยือของการรัฐประหารต่อคนไทย หรือการทำลายล้างอำนาจของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย   ซึ่งกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีต่อคนไทยนั้นจะทำให้ประเทศชาติเสียหาย หรือถูกทำลาย  ซึ่งผู้นำไม่ควรทำเพราะว่าผู้นำควรทำในสิ่งที่ถูกต้อง (Do the ri

รัฐบาลไทยควรใส่ใจในการสร้างรัฐสวัสดิการ (welfare state)

         การส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นรัฐสวัสดิการ (welfare state) เป็นการส่งเสริมความอยู่ดีกินดีของประชาชน แ่ต่ก็ควรระวังที่จะไม่ส่งเสริมให้ประชาชนขี้เกียจ หรือเกียจคร้านการทำงานโดยเด็ดขาด แต่สามารถช่วยให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตทีีดีขึ้น และทำให้ประชาชนไม่อ่อนแอ   ซึ่งความหมายของรัฐสวัสดิการตามความหมายของ Wikipedia คือแนวคิดของรัฐบาลที่ประเทศเป็นผู้แสดงสำคัญในการปกป้อง หรือการส่งเสริมเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพลเมือง โดยขึ้นอยู่กับหลักการความเสมอภาคในโอกาส, มีการกระจายความมั่งคั่งอย่างเสมอภาค และความรับผิดชอบต่อสาธารณะ    ในรัฐสวัสดิการสมัยใหม่ได้แก่ประเทศนอรเวย์ และเดนมาร์ค ซึ่งมีการนำเอาระบบที่มีชื่อเสียงคือตัวแบบนอร์ดิค   รัฐสวัสดิการเกี่ยวข้องกับการโอนย้ายกองทุนโดยตรงจากรัฐไปสู่การจัดสรรบริการได้แก่บริการสุขภาพ, บริการทางการศึกษา ไปสู่ผลประโยชน์ประชาชนโดยตรง รัฐสวัสดิการจัดกองทุนโดยผ่านการจัดเก็บภาษีเพื่อกระจายรายได้ และหมายถึงระบบเศรษฐกิจแบบผสม (mixed economy)          ในประเทศอังกฤษ รัฐบาลมีการลงทุนขุดสร้างอุโมงค์ลอดใต้ทะเลเพื่อสร้างเครือข่ายการขนส่งไปยังแถบยุโรปหลายประเท

คำทำนายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำให้คำทำนาย

       จากร้อยกรองของหลวงพ่อฤาษีลิงดำได้ให้คำทำนายที่น่าสนใจต่อสภาพบ้านเมืองไทยที่น่าสนใจดังนี้ คำทำนายที่เคยมีช้านานนัก เริ่มประจักษ์ให้เห็นเร้นไม่ได้ หลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยทำนาย เมื่อถึงปลายรัชกาลผ่านเข้ามา ประเทศชาติจะรุ่งเรืองและเฟื่องฟุ้ง น้ำมันผุดขึ้นมาจนเห็นค่า พวกกาขาวจะบินรี้หนีเข้ามา เป็นประชาจนเต็มพระนคร ชนทั่วโลกจะยกพระองค์ท่าน ชื่อกระฉ่อนร่อนทั่วทุกสิงขร ออกพระนามลือชื่อดั่งทินกร องค์อมรเอกบุรุษแห่งแผ่นดิน ชาวประชาจะปิติยิ้มสดใส แต่อกไหม้หนอนกินข้างในสิ้น จะมีพวกกาฝากคอยกัดกิน เพื่อให้ได้สิ่งถวิลสมจินตนา จะมีการต่อตีกันกลางเมือง ขุนนางเขื่องกังฉินกินทั่วหล้า คอรัปชั่นจะกัดกร่อนทั้งพารา ประดุจปลวกกินฝานั้นปะไร ข้าราชการตงฉินถูกประนาม สามคนหามสี่คนแห่มาลากไส้ เกิดวิกฤติผิดเพี้ยนโดยทั่วไป โกลาหลหม่นไหม้ไร้ความดี ประชาชีจะสับสนเรื่องดีชั่ว ถ้วนทุกทั่วจะหมุดขุดรูหนี ไม่แน่ใจสิ่งที่ทำนำความดี เกรงเป็นผีตายตกไปตามกัน พุทธศาสน์จะถูกรุกและล้ำ  มิตรเคยค้ำเป็นศัตรูมุ่งอาสัญ เกิดวิกฤติธรรมชาติอุบาทว์ครัน พายุลั่นน้ำถล่มดินทลาย แผ่นดินแยกแตกเป็นสองปกครองย

ประชาธิปไตยในกรีกโบราณ

           มีรัฐบาลที่สำคัญอยู่ 3 รูปแบบในยุคสมัยกรีกโบราณ ได้แก่คณาธิปไตย, เผด็จการทรราชย์ และประชาธิปไตย  รูปแบบที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดก็คือประชาธิปไตย  ระบบการเมืองแบบทรราชย์ และคณาธิปไตยทั้งสองรูปแบบใช้ประสบความสำเร็จในขอบเขตใดขอบเขตหนึ่งแต่ไม่ประสบความสำเร็จเ่ท่ากับประชาธิปไตย  ระบบเผด็จการทรราชย์จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้า และอุตสาหกรรมซึ่งส่งเสริมความมั่งคั่งร่ำรวยของปัจเจกชน   ปัจเจกชนเหล่านี้ถูกยึดอำนาจเพราะว่าพวกเขาจะถูกบังคับกดขี่โดยระบบอภิชนาธิปไตย (ระบบขุนนาง)  ประชาชนเหล่านี้ถูกกดขี่จากอำนาจของคนที่เรียกว่าผู้กดขี่ซึ่งเป็นคำที่เรียกทรราชย์    ระบบทรราชย์เป็นคำที่พอใจทั้งชาวนาและผู้มั่งคั่งเพราะว่าพวกเขาเบื่อหน่ายกับระบบอภิชนาธิปไตยที่ครอบงำรัฐ  อำนาจแฝงของทรราชย์ได้รับการดูแลโดยการว่าจ้างทหาร และในอดีตทรราชย์ได้รับอำนาจแฝงที่เริ่มเข้ามาสร้างสูการตลาด, วัด,และกำแพงเมือง  แต่ในปัจจุบันหลายประเทศยังคงเป็นการบริหารแบบโบราณ โดยเฉพาะการเมืองแบบพม่ามีลักษณะเป็นรัฐบาลทหาร แต่บางประเทศเป็นระบบที่ผนวกเอาการเมืองแบบขุนนางอำมาตย์กับระบบทรราชย์ผสมผสานกัน

อัจฉริยะประชาธิปไตยของผู้นำเกิดจากจิตสำนึกที่เป็นธรรมชาติ

          อัจฉริยะประชาธิปไตย หมายถึงความฉลาดทางปัญญาในแง่ของความรู้ความเข้าใจประชาธิปไตยอย่างแท้จริง  ผู้ทีไม่มีจิตใจประชาธิปไตยจะแสดงออกในลักษณะของการขาดจิตสำนึก หรือจิตวิญญานประชาธิปไตย เช่นลักษณะผู้ขาดจิตวิญญานประชาธิปไตยจะมีลักษณะดังนี้         1.มีทัศนะดูถูกดูแคลนประชาชนว่ามีการศึกษาน้อย หรือไม่เข้าใจประชาธิปไตย  ซึ่งทัศนะเช่นนี้ผู้ปกครองควรส่งเสริม และสร้างสรรค์ให้เกิดจิตสำนึกประชาธิปไตย เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ การดูถูกดูแคลนก็เท่ากับว่าเมื่อตนเองมีหน้าที่หรือบทบาทในสังคมประชาธิปไตย แต่กลับไม่สนใจในการส่งเสริมประชาธิปไตยให้แก่ประชาชน         2.ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง ทำตามคำสั่ง หรือถูกสั่งจากผู้มีอำนาจเหนือกว่า  แทนที่จะเป็นตัวแทนของประชาชนทั้งประเทศ กลับใช้อำนาจเป็นไปตามกลุ่มบุคคลหรือเอาใจกลุ่มบุคคลเพียงบางกลุ่ม         3.ทำงานการเมืองแบบเล่นการเมืองแบบสกปรก คือคอยยุแยงตะแคงรั่ว, กลั่นแกล้งทางการเมืองเพื่อให้ผู้อื่นตกจากอำนาจ  แต่ไม่ยอมพัฒนาตัวเองให้มีความสามารถ  มุ่งเข้าสู่ฐานอำนาจโดยวิธีไม่สะอาด  และเกรงกลัวผู้ที่มีคะแนนเสียงมากกว่า          4.มีลักษณะการพูดที่ดูว่าเก่