อุปนิสัยที่ทำให้จิตใจคนเราเข้มแข็ง

คัดสรรจากข้อเขียนที่น่าอ่าน

อยาก “Strong” ต้องอ่าน 13 อุปนิสัยที่คนจิตใจเข้มแข็งไม่มีวันทำ

อุปสรรคในการดำเนินชีวิต ตลอดจนปัญหาทางธุรกิจเกิดขึ้นบ่อยเสียจนทำให้เกิดความท้อแท้ ฉุดรั้งชีวิตของคนส่วนใหญ่ไม่ให้ไปถึงฝัน แต่คนที่แตกต่างพวกเขามีจิตใจเข้มแข็ง สามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆนานาไปได้จนประสบผลสำเร็จ
ในเมื่อจิตใจที่เข้มแข็งส่งผลต่อความสำเร็จทั้งทางธุรกิจ และการดำเนินชีวิต เราจะทำอย่างไรให้จิตใจของเราเข้มแข็ง และแกร่งขึ้น?
เอมี่ มอริน (Amy Morin) นักจิตวิทยาค้นพบว่า การที่เธอช่วยให้ลูกค้าก้าวผ่านอุปสรรคในชีวิตโดยมุ่งเน้นที่จุดแข็งเพียงอย่างเดียวไม่ประสบความสำเร็จยั่งยืนแท้จริง และยิ่งเห็นได้ชัดเมื่อต้องพบกับเรื่องสะเทือนใจด้วยตัวเอง
  • ในปี 2003 แม่ของเธอเสียชีวิต
  • หลังจากครบรอบ 3 ปีวันเสียชีวิตของแม่เธอเพียงแค่ 2 วัน สามีเธอก็เสียชีวิตตามไปด้วยโรคหัวใจเฉียบพลัน
  • 7 ปีต่อมา พ่อตาของเธอก็เสียชีวิต
ด้วยเหตุการณ์อันน่าเศร้านี้ เธอค้นพบว่าลำพังการมองข้ามเรื่องที่รบกวนสภาพจิตใจมีข้อจำกัดอย่างมาก หากต้องการจะพัฒนาตนเองให้เข้มแข็งขึ้น จะต้องพยายามแก้ไขจุดที่ทำให้รู้สึกโศกเศร้า การพยายามหนีปัญหาด้วยการคิดเรื่องอื่น หาอะไรทำเพื่อให้ลืม สามารถช่วยได้เพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็หวนกลับคืนสู่ความโศกเศร้าเสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“จุดเริ่มต้นของความสำเร็จ คือ การลงมือทำสิ่งที่ควรทำ แต่การละเลิกสิ่งที่ไม่ควรทำก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน”
เธอพบว่าการจะพัฒนาขีดความสามารถด้านสภาพจิตใจ ไม่จำเป็นจะต้องอาศัยการลงมือ ลงแรงอย่างหนักในการสร้างเสริมอุปนิสัยที่ดีเพียงอย่างเดียว หากแค่เพียงขจัดอุปนิสัยที่ฉุดรั้งตัวเราทั้งทางกาย และทางใจ ผ่านอุปนิสัยทั้ง 13 ข้อที่คนที่จิตใจเข้มแข็งเขาไม่ทำกัน

1.คนที่จิตใจเข้มแข็งไม่มัวโศกเศร้าเสียใจกับตนเอง

การที่เรามัวแต่รู้สึกแย่ เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ ไม่มีอะไรดีเลยเว้นเสียแต่จะทำให้ทุกอย่างแย่ลง การทำแบบนี้จะทำให้มัวแต่โฟกัสกับปัญหา และไม่ก่อให้เกิดการแก้ไข สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วเป็นสิ่งที่นอกเหนือการควบคุม แต่เราสามารถเลือกที่จะควบคุมความรู้สึกได้ พยายามหาสิ่งที่ดีๆในแต่ละวัน แล้วพยายามรักษาทัศนคติในเชิงบวกไว้ให้ได้

2.คนที่มีจิตใจเข้มแข็งไม่ละทิ้งพลังที่มี

การที่เรามองว่าตัวเองตกเป็นเหยื่อของเหตุการณ์ และโชคชะตา เป็นการทิ้งพลังแห่งการควบคุมที่พึงมี ไม่มีใครทำให้เราคิด หรือรู้สึกอะไรได้ หากเราไม่ยินยอม
เธอบอกว่าการเปลี่ยนคำพูดที่ใช้ในแต่ละวัน จะช่วยสร้างความรู้สึกถึงพลังในการควบคุมสถานการณ์ต่างๆได้ อาทิ แทนที่จะพูดว่า “วันนี้ฉันต้องทำงานดึก” เป็น “ฉันเลือกเองที่จะทำงานดึก” คำพูดที่เลือกใช้จะสร้างความแตกต่าง

3.คนที่มีจิตใจเข้มแข็งไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง

โลกเปลี่ยนไปเสมอ ทั้งเรื่องราวต่างๆ เทคโนโลยี การที่กักขังตัวเราไว้กับอดีต นอกจากไม่ช่วยอะไรแล้ว จะทำให้ไม่สามารถพัฒนาตนเองให้เติบโตขึ้นได้

4.คนที่มีจิตใจเข้มแข็งไม่ใส่ใจกับเรื่องที่ควบคุมไม่ได้

การที่มัวบ่น วิตกกังวล ใคร่ครวญถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว หรือยังไม่เกิดขึ้นแต่ไม่สามารถควบคุมได้ เป็นการสิ้นเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ เพราะมนุษย์มีพลังงานจำกัดในแต่ละวัน เราจึงควรเก็บพลังงานไว้ใช้ประโยชน์กับเรื่องอื่นที่สำคัญ และส่งผลดีต่อชีวิตมากกว่า
ให้คอยสังเกตคำพูด และความคิดของตนเองอยู่เสมอ ว่ากำลังคิดลบ คิดถึงเรื่องที่นอกเหนือการควบคุมหรือไม่ คำแนะนำของเธอคือให้เขียนสิ่งที่เป็นคุณค่าของตัวเราสัก 5 อย่าง แล้วโฟกัสกับมัน ขยายให้สิ่งดีๆเหล่านี้เติบโต

5.คนที่มีจิตใจเข้มแข็งไม่มัวเอาใจผู้อื่น

การที่มัวสนใจความคิดของคนอื่นว่าจะคิดอย่างไรกับเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เราไม่ได้รู้จัก หรือมีความสนิทสนมเพียงผิวเผิน เป็นการทำให้ความสุข และตัวตนที่แท้จริงของเราถูกบิดเบือนไป
การเลือกกระทำสิ่งที่จะส่งผลต่อความรู้สึกแง่ลบของผู้อื่นนั้นต้องใช้ความกล้าอย่างมาก แต่การจะใช้ชีวิตที่จริงใจกับตัวตนของเรา ต้องพบเจอกับข้อพิสูจน์ความกล้าหาญเหล่านี้ พยายามยึดมั่นในเป้าหมายของตนเองเชื่อในสิ่งที่ถูกต้อง อย่าบิดเบือนความจริง และไหลเอนตามแรงลม

6.คนที่มีจิตใจเข้มแข็งไม่กลัวที่จะเสี่ยง

คนที่มีจิตใจเข้มแข็ง เขาไม่กลัวความเสี่ยง แต่จะทำให้การเสี่ยงมีความถูกต้อง และคู่ควรต่อการลงทุนมากที่สุด บ่อยครั้งความกลัวทำให้ไม่กล้าก้าวเท้าออกไปเผชิญกับสิ่งที่ท้าทาย
ทั้งนี้ความสำเร็จจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่ลองเสี่ยง
เธอแนะนำว่าการเสี่ยงที่ถูกต้อง อาศัยข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อดี ข้อเสีย โดยพยายามลดการใช้อารมณ์ ความรู้สึกให้เหลือน้อยที่สุด ความเสี่ยงก็จะลดน้อยลง และเพิ่มโอกาสที่จะเป็นการเสี่ยงที่ดีได้

7.คนที่มีจิตใจเข้มแข็งไม่จมกับอดีต

การเรียนรู้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตนั้น สามารถสร้างเสริมประสบการณ์ให้กับชีวิตได้
เลือกสิ่งที่ดี มีประโยชน์ในอดีต และทิ้งสิ่งที่ไม่มีสาระแก่การจดจำ ยกโทษให้กับคนที่มาทำร้ายจิตใจ เรียนรู้กับสิ่งที่เกิดขึ้น แทนที่จะพยายามลืม เพิกเฉย ละเลยจนกลายเป็นปมที่ทำให้ไม่สามารถดำเนินชีวิตต่อได้ เผชิญหน้ากับปัญหา แล้วเอาชนะปัญหานั้นให้ได้

8.คนที่มีจิตใจเข้มแข็งไม่ทำผิดซ้ำซาก

บ่อยครั้งที่ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่น่าอายในสังคมไทย เด็กไทยส่วนใหญ่ หรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่วัยทำงานไม่กล้าแสดงความคิดเห็นในที่ประชุม หรือต่อหน้าคนอื่นๆ เพราะกลัวการอับอายในความไม่รู้ หรือสงสัย จนนำไปสู่ความผิดพลาดที่แท้จริง และไม่เกิดการพัฒนาความสามารถ
แต่คนที่มีจิตใจเข้มแข็ง เขาจะไม่กลัวความอับอาย เพราะถือเป็นโอกาสแห่งการเรียนรู้ และจะพยายามไม่ทำผิดซ้ำซาก เรื่องใดที่เคยทำพลาดไปก็จะนำมาพัฒนาตนเองเพื่อรับมือกับเหตุการณ์แบบเดียวกันในอนาคต

9.คนที่มีจิตใจเข้มแข็งไม่อิจฉากับความสำเร็จของผู้อื่น

ความอิจฉาที่เห็นผู้อื่นประสบความสำเร็จ ไม่ช่วยให้เกิดประโยชน์อะไรต่อการบรรลุเป้าหมายของตัวเราเอง แทนที่จะมัวสนใจกับเรื่องราวของคนอื่น ให้ยึดมั่น และพยายามทำเป้าหมายของตนเองให้สำเร็จจะดีกว่า
แสดงความยินดีกับคนอื่นได้ ไม่ต้องอิจฉา เพราะความสำเร็จของคนอื่นไม่ได้ขัดขวางโอกาสในการทำเป้าหมายของเราให้สำเร็จเลยแม้แต่น้อย

10.คนที่มีจิตใจเข้มแข็งไม่ยอมแพ้แม้ล้มเหลว

“ความล้มเหลว คือหนทางสู่ความสำเร็จ”
คนส่วนใหญ่ไม่กล้าเสี่ยงที่จะล้มเหลว เพราะเขาคิดว่าจะทำให้ดูด้อยค่า ไร้ความสามารถ แต่แท้จริงแล้วความล้มเหลว คือความสำเร็จที่แปลงกายมาทดสอบคุณต่างหาก
ชีวิตคล้ายกับการเล่นเกม ครั้งแรกอาจจะล้มเหลว เพราะระดับความสามารถยังไม่ถึงขั้น แต่ครั้นเราพัฒนาความสามารถมากขึ้น ไปเจอบททดสอบแบบเดิมก็จะสามารถผ่านไปได้
ล้มแล้วต้องลุก แต่ลุกไปพัฒนาความสามารถก่อนครับ

11. คนที่มีจิตใจเข้มแข็งไม่กลัวการอยู่คนเดียว

เคยเห็นคนที่กลัวการอยู่คนเดียวไหมครับ ต้องอยู่กับเพื่อนฝูง หรือหากิจกรรมทำตลอดเวลา นอกจากไม่มีเวลาไตร่ตรองใคร่ครวญสิ่งที่สำคัญต่อชีวิตตนเองแล้ว ยังใช้พลังงานในแต่ละวันอย่างสิ้นเปลือง
คนที่ประสบความสำเร็จจะต้องอาศัยเวลาในการอยู่คนเดียว ปราศจากสิ่งรบกวนจากภายนอก เพื่อพัฒนาความสามารถอย่างเข้มข้นอันนำไปสู่ความเป็นเลิศในด้านต่างๆ หรือเรียกว่า “Deep Work”
เธอแนะนำให้จัดสรรเวลาในแต่ละวัน ปิดโทรศัพท์ หรืออินเตอร์เนต แล้วหมั่นคิดทบทวน ฝึกปรือความสามารถบ่อยครั้งจะเกิดประโยชน์กับชีวิตมากกว่า

12.คนที่จิตใจเข้มแข็งไม่รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณกับใคร

บ่อยครั้งที่การทำงานทุ่มเท ทำงานหนัก ทำให้คาดหวังผลลัพธ์ตอบแทน แต่การทำอย่างนี้เป็นการเสียแรง เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ และจะทำให้ท้อถอยเอาง่ายๆ เพราะโลกนี้ไม่ได้ยุติธรรมเสมอไป
เธอแนะนำว่าเวลาที่คิดแบบคาดหวัง ให้พยายามคำนึงถึงสิ่งที่กำลังมีอยู่ แทนที่จะคาดหวังการได้มาเพิ่มเติม จะทำให้มีความสุขมากยิ่งขึ้นได้
จงลงมือทำอย่างหนัก อย่ามัวยึดติดกับสิ่งตอบแทนที่จะได้รับ

13.คนที่จิตใจเข้มแข็งไม่คาดหวังผลลัพธ์ทันที

การพัฒนาตนเองต้องอาศัยเวลา เพราะ
“การใช้ชีวิต ก็เหมือนกับการวิ่งมาราธอน”
ไม่ใช่วิ่งแข่งระยะสั้นรวดเดียวจบ หากแต่ต้องคอยวิ่งอย่างสม่ำเสมอด้วยความเร็วพอเหมาะที่จะหลบหลีกสิ่งกีดขวางที่อยู่ข้างหน้าได้ บ่อยครั้งความสำเร็จจำเป็นจะต้องอาศัยความสม่ำเสมอมากกว่าความทุ่มเทแต่ขาดความแน่นอน
ท้ายที่สุดนี้เธอแนะนำว่า..
การสร้างจิตใจให้เข้มแข็ง ก็เหมือนกับการสร้างกล้ามเนื้อ ต้องหมั่นเผชิญแบบทดสอบ เพื่อทำให้กล้ามเนื้อแห่งจิตใจแข็งแกร่ง และเจริญเติบโต
เมื่อจิตใจเข้มแข็งเพียงพอก็จะสามารถเอาชนะอุปสรรคทางธุรกิจ และการดำเนินชีวิตได้ในที่สุด

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ระบบการเมืองที่ดีเหมือนปลาในอ่างแก้วที่มองเห็นตัวปลาชัดเจน

ตัวแบบจำลองภารกิจของแอสริช (Ashridge Mission Model)

การปฏิรูปการศึกษาในต่างประเทศ