บทความ

เพลง "ปั้นดินให้เป็นดาว" เลียนเสียงจากเจ้าของเพล ธานินทร์ อินทรเทพ

รูปภาพ

การเล่าเรื่องเป็นเครื่องมือหนึ่งที่บริษัทใช้สร้างภาวะผู้นำ

การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในยุคศตวรรษที่ 21

รูปภาพ

รับสมัครอาจารย์ของสถาบันการศึกษาภาครัฐและเอกชน

                         อาชีพอาจารย์ระดับอุดมศึกษานับว่าเป็นอาชีพของผู้ที่ไฝ่ฝันในการเป็นอาจารย์ซึ่งในสังคมไทยให้ความเคารพ และถือว่าครูอาจารย์เป็นแบบอย่างที่ทำให้สังคมให้ความเชื่อถือ   ดังนั้นเพื่อติดตามข้อมูลการรับสมัครงานอาจารย์ที่เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการประชาสัมพันธ์ หรือแสวงหางาน ซึ่งสามารถติดตามได้ที่  https://www.facebook.com/groups/1552619101709963/    โดยนำไปใส่ในแอดเดรสก็จะปรากฎกลุ่้มรับสมัครอาจารย์    ซึ่งหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชนสามารถโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อสรรหาตำแหน่งงานที่ว่างให้กับผู้ต้องการเข้าสู่อาชีพอาจารย์       ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้ลงในเฟสบุ๊คโดยใช้ชื่อว่ากลุ่มรับสมั้ครอาจารย์                                                              จาก ทวิพันธ์ พัวสรรเสริญ หมายเหตุ:   หากต้องการเป็นสมาชิกในเฟสบุ๊ค  ให้พิมพ์ที่แอดเดรสเฟสบุ๊คว่า puasansern tawipan และ ไปเปิด กลุ่มรับสมัครอาจารย์ ก็จะพบและสามารถประชาสัมพันธ์ได้ครับ   ขอขอบคุณที่ให้ความสนใจครับ                                                             ----------------------

ความคิดที่แตกต่างนำไปสู่ทางเลือกในการแก้ปัญหา และเกิดความคิดสร้างสรรค์ดีกว่าความคิดแบบเออออห่อหมก

                         สังคมไทยเป็นสังคมที่มีวัฒนธรรมแบบอำนาจนิยม ผู้ใหญ่หรือครูบาอาจารย์หลายคนยังมีบุคลิกที่ยึดถือความคิดเห็นตนเองเป็นใหญ่  จะชอบคนที่ยอมตาม ทำให้ผู้เรียน และผู้ตามในสังคมมักใช้วิธีว่า "เดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไมกัด หรือพูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง    ประกอบกับระบบการศึกษายังไม่ใช้ระบบการสอนที่เปิดโอกาสให้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ แต่ครูอาจารย์มักชอบผู้เรียนที่เรียบร้อยหรืออยู่แบบเงียบ ๆ ไม่แสดงความคิดเห็น   ซึ่งบุคลิกเช่นนี้ถูกกล่อมเกลาให้ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น และการสอนไม่ได้สอนแบบให้ผู้เรียนรู้จักคิด   บุคลิกแบบนี้หล่อหลอมให้ขาดความเป็นผู้นำ เพราะขาดความกล้าหาญในการแสดงออก  และต้องยอมตามผู้อื่นอย่างไม่สงสัย  หรือไม่เคยตั้งคำถามใด  ทำให้คนไทยจำนวนมากไม่ค่อยชอบการค้นคว้า หรือศึกษาด้วยตนเอง กลายเป็นการทำรายงานที่นิยมก๊อปปี้ หรือว่าจ้าง  เช่นการทำค้นคว้าอิสระ หรือวิทยานิพนธ์ จึงมีการว่าจ้า่งกันอย่างดาดดื่น  ทำให้คนไทยจำนวนมากที่จบการศึกษาขาดความรู้อย่างแท้จริง และขาดการสังเกตเรียนรู้ และไต่ถาม   ซึ่งผิดกับครูผู้สอนในโ่ลกตะวันตกเขาจะสอนให้เด็กคิดเป็น, ทำเป็น สอนให้มีทั

เหตุผล 10 ประการที่ทำให้การศึกษาประเทศฟินแลนด์ดีที่สุดในโลก

เหตุผล 10 ประการที่ทำให้การศึกษาประเทศฟินแลนด์ดีที่สุดในโลก 1. .ให้ส่ิ่งจำเป็นพื้นฐานแก่ครอบครัวเด็กฟรีไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ลาคลอดโดยได้เเงินเดือนถึง 4 เดือน และให้ลาเพิ่มเติมทั้งพ่อและแม่อีก 6 เดือนโดยรัฐบาลจ่ายเต็ม จ้างครูดูแลเด็กทารกคนละ 4000 เหรียญ 2.จ้างครูหัวกระทิด้วยการฝึกอบรมอย่างเข้มข้น มีการเตรียมครูสอนระดับปริญญาโทอย่างน้อย 5-7 ปีในการเข้ามาสอนได้ ครูอาจารย์ได้รับเกียรติทางสังคมที่ดี และมีค่าตอบแทนสูง 3. ครูมีระดับความเป็นอิสระสูงในห้องเรียน ครูอเมริกาใช้เวลาในกา รสอนถึง 1080 ชั่วโมงต่อเวลา 180 วันในแต่ละปี แต่ของฟินแลนด์ใช้เวลา 600 ชั่วโมง การประเมินผลใช้ครูอาจารย์ใหญ่และเพื่อนร่วมงานประเมินผลการสอนในเชิงองค์รวม 4.จ้างครูหัวกระทิด้วยการฝึกอบรมอย่างเข้มข้น มีการเตรียมครูสอนระดับปริญญาโทอย่างน้อย 5-7 ปีในการเข้ามาสอนได้ ครูอาจารย์ได้รับเกียรติทางสังคมที่ดี และมีค่าตอบแทนสูง ให้เงินเพิ่มพิเศษเกือบร้อยละ 30 ของเด็ก ๆสำหรับเข้าเรียนระดับอุดมศึกษาเพื่อเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง 5.ครูไม่เน้นเฉลยแบบทดสอบ การเรีย้นมีความยืดหยุ่นตามสถานการณ์ของโครงสร้างและเนื้อหา

คำแนะนำของบิลเกตต์มอบให้นักศึกษาจบใหม่ และคนทั้งโลก

รูปภาพ
ซึ่งได้สรุปเป็นข้อๆ เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น และประหยัดเวลาอ่าน ดังนี้ ถ้าย้อนเวลากลับไปเป็นเฟรชชี่ได้ มีอยู่ 3 สาขาวิชาที่เขาจะเลือกเรียนก็คือ 1).  AI  เพราะมันจะช่วยให้มนุษย์มีความ Productive มากขึ้น และช่วยขยายขอบเขตของความคิดสร้างสรรค์ 2).  พลังงาน  เพราะการสร้างพลังงานสะอาดในราคาที่จับต้องได้ คือกลไกสำคัญที่จะช่วยแก้ปัญหาโลกร้อน และ 3).  Bioscience  เพราะมันจะช่วยให้มนุษย์มีสุขภาพที่ดีขึ้น และมีชีวิตยืนยาวขึ้น ความฉลาด (Intelligence) ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเพิ่งตระหนักเมื่อมีอายุมากขึ้น และหวังว่าน่าจะคิดได้แบบนี้ตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นวัยรุ่น เพราะความฉลาดมีหลากหลายรูปแบบ เราต้องเรียนรู้ที่จะชื่นชมความสามารถที่แตกต่างกันของผู้คน ยิ่งคิดแบบนี้ได้เร็วเท่าไร ก็ยิ่งรวยเร็วเท่านั้น จงตระหนักถึงความไม่เท่าเทียมที่เกิดขึ้นอยู่บนโลกใบนี้ ตัวเขาเองเพิ่งรู้จักมันจริงๆ ก็ตอนที่อายุ 30 ปลาย ขณะที่กำลังเดินทางในแอฟริกา เห็นเด็กจำนวนมากเสียชีวิตด้วยโรคร้าย แต่ไม่มีประเทศรวยๆ ให้ความสนใจ และด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารในยุคนี้ เด็กรุ่นใหม่สามารถมองเห็นปัญหานี้ได้เร็วกว่าเขามากนั