บทความ

แนวคิดของผู้นำจีนเกี่ยวกับการศึกษา ยุคเหวิน เจีย เป่า

             ทัศนะของจีนผืนแผ่นดินใหญ่มองว่าการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญต่อความก้าวหน้าของประเทศทุกประเทศและต่อประชาชนทั้งหลาว      การจัดการศึกษาจึงเน้นการศึกษาที่เป็นระดับที่ยอดเยี่ยมสูงสุด และต้องส่งเสริมคนเก่งนระดับแนวหน้า  จึงจะสามารถสร้างประเทศที่เป็นแนวหน้าได้     จีนให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมการศึกษาประชาชนจำนวนมาก เช่นการศึกษาภาคบังคับ 9 ปี ที่ทำในการศึกษาชนบทหรือในท้องถิ่น    คนฐานะยากจนมีโอกาสทางการศึกษาเท่าเทียมในการเข้าเรียน  แรงงานได้สร้างคนรุ่นใหม่เป็ฯคนวัยหนุ่มสาวที่ได้เรียนรู้ประสบการณ์และในเชิงวัฒนธรรม        การกำหนดนโยบายของโครงสร้างการศึกษาระดับกลาง และการปฏิรูปการศึกษาระยะยาว    การพัฒนาการศึกษาอย่างมีคุณภาพจึงมีการปรับปรุงผู้ที่มีความสามารถของประเทศชาติโดยรวม   ซึ่งเป็นส่ิ่งสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ, ความก้าวหน้าทางสังคม และการมีชีวิตของพลเมืองที่ได้รับการปรับปรุง    การปฏิรูปการศึกษาสกระทำโดยคณะกรรมการกลางของพรรค  สร้างสังคมที่เท่าเทียมและนำไปสู่ความทันสมัย               ประการที่สอง จีนมองว่าการพัฒนาการศึกษาต้องตอบสนองความต้องการคนเก่งเพื่อกระบวนการเศรษฐกิจและความก้า

ข้อคิดจากประสบการณ์ชีวิตจริงหรือมหาวิทยาลัยชีวิต

            บางครั้งกว่าที่คนเราจะค้นหาตัวตนได้สำเร็จ ก็เกือบอายุปาเข้าไปเกษียณอายุราชการไปแล้ว การศึกษาที่คนเร่วส่วนใหญ่เรียนนั้นโดยเฉพาะหลักสูตรบริหารธุรกิจ ส่วนใหญ่อาจารย์มักจะสอนลูกศิษย์ไปเป็นลูกจ้าง แต่ไม่สามารถสอนลูกศิษย์ไปเป็นผู้ประกอบการได้  ทั้งนี้เพราะว่าผู้สอนเองก็ยังไม่มีประสบการณ์เพียงพอต่อการลงทุนทางธุรกิจ และจนสามารถสร้างธุรกิจขึ้นมาได้  ดังนั้นแนวทางการสอนบริหารธุรกิจจำเป็นต้องแสวงหาอาจารย์ที่เก่ง หรือเป็นนักธุรกิจและสามารถถ่ายทอดและสร้างแรงดลใจในการเป็นผู้ประกอบการในอนาคตได้สำเร็จ             ดังนั้นการสอนวิธีการปฏิบัติเพื่อการเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จนั้นต้องมีเครื่องมือที่นำไปสู่ความสำเร็จหรือมีตัวช่วยได้แก่            ก.ความรู้ และทักษะในการทำงานที่มีความพร้อมพอสมควร            ข. มีความสามารถในการมองอนาคตได้ดี หรือมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน            ค. เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย และกล้าเสี่ยง  สิ่งสำคัญของเครื่่องมือทางการเงินได้แก่ธนาคารที่จะ                สนับสนุนให้บุคคลที่คิดทำธุรกิจมีโอกาสเติบโตได้            ง. มีเครือข่ายที่สนับสนุนในกิจการธุรกิจที่จะ

เทคนิคการสร้างแบรนด์เพื่อความสำเร็จในการตลาด

วิธีสร้างแบรนด์ตนเองได้แก่ 1. คุณคือใคร ก.ทักษะ เช่นความสามารถ,การศึกษา,ประสบการณ์ชีวิต ข. ความชอบ และบุคลิกภาพ ค. ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน 2. คนมองคุณอย่างไร? ก. เพื่อนกล่าวถึงคุณอย่างไร? ข. ลูกค้าและเพื่อนร่วมงานมองคุณอย่างไร? ค. ชื่อเสียงทางออนไลน์ กูเกิ้ลแสดงผลเกี่ยวกับคุณอย่างไร 3. คุณต้องการบรรลุความสำเร็จอะไร ? ก. สร้างผลิตภัณฑ์และบริการส่วนบุคคลในสาขาที่คุณถนัด ข. ตลาดของคุณ กำหนดเป้าหมายที่ถูกต้องสำหรับผู้สนใจแบรนด์ของคุณ ค. วางแผนที่จะสื่อสารที่ทำให้เกิดความชัดเจนและคงเส้นคงวา 4. สร้างแบรนด์ของคุณเอง ก. สร้างอารมณ์และถ้อยคำ เลือกชื่อและสโลแกนที่ง่ายต่อการจดจำ ข. สร้างอารมณ์และภาพพจน์๋ เลือกสีสัน และโลโก้ที่เป็นอัตลักษณ์ของบริษัท ค. สร้างอารมณ์และการเล่าเรื่อง พูดเกี่ยวกับเรื่องราวในประวัติส่วนตัวของคุณ 5. สร้างระบบนิเวศน์วิทยา ก. ทำบล๊อกเพื่อการสื่อสารทางออนไลน์ ข. ทำพื้นที่พบปะ ได้แก่การทำเครือข่ายสังคมอันเป็นพื้นที่ พบปะและมีปฏิสัมพันธ์ ค. ใช้สิ่อสังคมในการสร้างความสนุกสนานและแบ่งปันเนื้อหาบันเทิง 6. สร้างเครือข่ายของคุณ ก. เป็นผู้ทรงอิทธิพล ติดตามผู้เชี่ยวชาญในสาขาของคุณและ

พฤติกรรมของนักเผด็จการ จา่กผลงานวิจัยและการสังเกตุ

·  ผลการวิจัยของโรคนักเผด็จการของนายเจมส์ ฟอลเลน พบว่านักเผด็จการมีพฤติกรรมทั่วไปที่ผิดปรกติจากผู้อื่นดังนี้ ก.เป็นคนมีเสน่ห์มีความเฉลียวฉลาด มีความกระหยิ่มยิ้มย่องและมีความเป็นอิสระ มีพลังทางเพศที่ล้นเหลือ ข. มีจิตใจที่เลื่อนลอย ค. เป็นคนเจ้าโกหกพกลมคำโต ง. ไร้ความเมตตา,ปรานี ชอบใช้ความรุนแรงป่าเถื่อน จ. มึีความกระหายอำนาจไม่มีสิ้นสุด แต่จากการสังเกตผู้คนในสังคม พบว่าคนที่มีลักษณะนิสัยเอนเอียงหรือค่อนไปทางเผด็จการจะมีลักษณะทั่วไปดังนี้ ก. เห็นใจตนเอง แต่ไม่เห็นใจคนอื่น ไม่สนใจส้งคม ข. เอาใจคนเบื้องสูง ก้าวร้าวเหยียมหยาม ข่มขู่คนที่ต่ำกว่า ค. ชอบประจบสอพลอ หรือช่างฟ้องใส่ร้ายใส่ความ ง. ติดวัตถุนิยม และอำนาจนิยม จ. เป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก ไม่จริงใจ ฉ. มีพฤติกรรมแบบศรีธนญชัย เอาตัวรอดไปเรื่อยๆ ช. เล่นพรรคเล่นพวก ชอบระบบอุปถัมภ์ ซ. เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ฌ. ชอบให้คนอื่นฟังตน แต่ไม่นิยมฟังคนอืื่น ไม่ใส่ใจกับปัญหาของคนอื่น มองผู้เห็นต่างเป็นศัตรู แต่ไม่มองว่าเป็นผู้ชี้ขุมทรัพย์ ญ. ไม่ชอบคนที่เด่นกว่าตน ชอบให้ลูกน้องทำตามแบบบงการ ฎ. ไม่ค่อยมีเพื่อน หากมีเพื่อนจะม

140 วิธีในการปฏิบัติตนเพื่อบทบาทภาวะผู้นำใหม่ โดย ปาม ฟ๊อกซ์ โลนริน

1. กำหนดตัวเองให้อยู่ในฐานะผู้ประสบความสำเร็จ     1.1 ต้องยอมรับบทบาทภาวะผู้นำใหม่ที่เป็นงานใหญ่ด้วยบรรยากาศที่หนักหนาด้วยแรงสนับสนุนที่น้อยมาก     1.2 หากคุณมีปัญหาส่วนบุคคลในการแก้ปัญหาสามเดือนข้างหน้าก่อนที่คุณเริ่มต้น     1.3 การสูญเสียงาน มีปัญหาที่แก้ไม่ได้สมบูรณ์ที่คุณใช้ตลอดเวลา มากกว่าการแก้ปัญหาที่คุณใช้เพียงครึ่งเดียว     1.4 ก่อนคุณเริ่มต้นทำงาน จงค้นหาเทคโนโลโยีในการสื่อสารที่ใช้กับบริษัทใหม่     1.5 วิทยาการที่ใช้สมองพิสูจน์ว่าไม่มีสิ่งใดที่ใกล้เคียงกับพลังสมองอย่างมาก จงใช้เส้นโค้งแห่งการเรียนรู้     1.6 การใส่ใจกับทีมงานขั้นพื้นฐานสำหรับเดือนแรกหรือเดือนสอง สิ่งเหล่านั้นจำเป็นต้องมีประสบการณ์ที่คุณจะให้คุณค่ากับมัน     1.7 อย่าสู้กับไฟ     1.8 เริ่มต้นบทบาทผู้นำใหม่ ด้วยการริเริ่มคิดด้วยตนเอง ไม่ใช่ใครมากำหนด     1.9 พิจารณาตามกฎ ตัดสินใจด้วยตัวคุณเอง จงปฏิบัติ,สังเกต และสะท้อนภาพ

วิทยาลัยทองสุข: บริการทางวิชาการแก่สังคม เรื่อง "ประชาธิปไตยอัจฉริยะ"

ประชาธิปไตยอัจฉริยะ   โดย ผศ.ดร.ทวิพันธ์ พัวสรรเสริญ                            เนื่องจากการปกครองแบบประชาธิปไตยของไทยเกิดขึ้นเมื่อกลุ่มผู้ก่อการคณะราษฎร์ได้ทำการยึดอำนาจการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นการปกครองประชาธิปไตยเมื่อวันที่   24   มิถุนายน   2475      ในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่   7        โดยพระองค์ทรงมีพระวิสัยทัศน์ที่ยาวไกลว่าพระองค์ปรารถนาจะให้ประชาธิปไตยกับปวงชนชาวไทยอยู่แล้ว      แต่ทว่าทรงเล็งเห็นว่าประชาชนไทยยังไม่พร้อมต่อการปกครองแบบประชาธิปไตย           เมื่อกลุ่มคณะราษฎร์ซึ่งมีกลุ่มจากข้าราชการทหาร , ตำรวจ , และพลเรือนซึ่งได้เห็นความเจริญรุ่งเรืองของอนารยะประเทศต่างปรารถนาที่จะเจริญรอยตาม            แต่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศยังขาดการเรียนรู้แบบประชาธิปไตย หรือการมีจิตสำนึกแบบประชาธิปไตย ซึ่งหมายความว่าประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่มีความพร้อม         พระองค์จึงทรงมีพระสุนทรพจน์ตอนหนึ่งที่ว่า     “ ข้าพเจ้ามีความยินดีและเต็มใจที่จะมอบอำนาจของข้าพเจ้าที่มีอยู่แต่เดิมให้กับปวงชนชาวไทย       แต่ข้าพเจ้าจะไม่ยินยอมสละอำนาจให้แก่ก