บริษัท Executive Plus รับจัดการฝึกอบรมและสัมมนาให้กับองค์การภาคธุรกิจหรือภาครัฐ

- พฤศจิกายน 17, 2555

In-House

Training

EXECUTIVE PLUS

ทุกหลักสูตรสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม

รับจัดการฝึกอบรม,วางแผนการฝึกอบรม และจัดสัมมนาแก่องค์การภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรม สนใจติดต่อ0933267214 และ 0936263995

หลักสูตร เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับหัวหน้างาน (ใบรับรอง ประกาศนียบัตร)

วัตถุประสงค์

เพื่อให้ผู้เข้าร่วมรับการสัมมนา บรรลุสิ่งต่อไปนี้

Œ มีความรู้ ความเข้าใจในปัญหาและสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ และโรจจากการทำงาน

มีความรู้ ความเข้าใจในบทบาทและหน้าที่ของหัวหน้างานด้านความปลอดภัย

Ž มีความรู้ ในกฏหมายและการพัฒนาหัวหน้างานด้านความปลอดภัย

มีความรู้ในหลักการป้องกันอันตรายจากเครื่องจักร ไฟฟ้า การเคลื่อนย้ายวัสดุ

และสิ่งแวดล้อม

มีความรู้ ความเข้าใจในหลักการตรวจความปลอดภัย และการสอบสวนอุบัติเหตุ

‘ มีคุณสมบัติเป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ระดับหัวหน้างาน ตามที่กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมกำหนด

ระยะเวลา 2 วัน

หัวข้อสัมมนา และ กำหนดการ

วัน / เวลา	หัวข้อบรรยาย
*วันแรก* 09.00 – 12.00 น. *12.00* *– 13.00 น.*	ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับความปลอดภัยในการ ทำงาน - ความหมายของความปลอดภัยในการทำงาน - อุบัติเหตุและโรคจาการทำงาน - บทบาทและหน้าที่ของหัวหน้างานด้าน ความปลอดภัย *พัก (รับประทานอาหารกลางวัน)*
13.00 – 16.00 น.	กฏหมายและการพัฒนาหัวหน้างานด้านความ ปลอดภัย - กฏหมายความปลอดภัยและกฎหมายอื่นที่ เกี่ยวข้อง - กิจกรรมส่งเสริมความปลอดภัยในการทำงาน สรุป ซัก – ถาม

วัน / เวลา	หัวข้อบรรยาย
วันที่สอง 09.00 – 12.00 น. *12.00* – *13.00 น.*	การค้นหาสาเหตุของอุบัติเหตุและโรคจากการ ทำงาน - การตรวจความปลอดภัย - การตรวจระบบป้องกัน และระงับอัคคีภัย - การวิเคราะห์งานเพื่อความปลอดภัย - การกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงาน - การเผ้าสังเกตงาน - การสอบสวน การรายงานและการวิเคราะห์ อุบัติเหตุเบื้องต้น *พัก (รับประทานอาหารกลางวัน*)
13.00 – 16.00 น.	การป้องกันและควบคุมอุบัติเหตุและโรคจากการ ทำงาน - หลักการป้องกันและควบคุมอันตรายจาก เครื่องจักร - หลักการป้องกันและควบคุมอันตรายจากไฟฟ้า - หลักการป้องกันและควบคุมอันตรายจาก การเคลื่อนย้ายวัสดุ - หลักการป้องกันและควบคุมอันตรายจากภาวะ แวดล้อมและสารเคมี - โปรแกรมกิจกรรมการดำเนินงาน สรุป ซัก - ถาม

หมายเหตุ มีใบรับรองหลักสูตร

หลักสูตร เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับบริหาร (ใบรับรอง ประกาศนียบัตร)

วัตถุประสงค์

เพื่อให้ผู้เข้าร่วมรับการสัมมนา บรรลุสิ่งต่อไปนี้

Œ มีความรู้ ความเข้าใจในสาเหตุและความสูญเสีย

รวมทั้งการบริหารและควบคุมความสูญเสีย

มีความรู้ในกฏหมายแรงงานด้านอาชีวอนามัยและ

ความปลอดภัย และกฏหมาอื่นที่เกี่ยวข้อง

Ž มีความรู้และเข้าใจในบทบาทของผู้บริหารที่มีต่อ

ความปลอดภัยในองค์กร รวมถึงการจัดองค์กรความ

ปลอดภัย

มีความรู้ความเข้าใจ ในหลักการอาชีวอนามัย

และความปลอดภัยในการทำงาน

มีคุณสมบัติเป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการ

ทำงานระดับบริหาร ตามที่กระทรวงแรงงานและ

สวัสดิการสังคมกำหนด

ระยะเวลา 2 วัน

หัวข้อสัมมนาและกำหนดการ

วัน / เวลา	หัวข้อบรรยาย
*วันแรก* 09.00 – 12.00 น. *12.00* *– 13.00 น.*	การบริหารความปลอดภัยในการทำงาน - สาเหตุการประสบอันตรายและความสูญเสีย - การบริหารและควบคุมความสูญเสีย *พัก (รับประทานอาหารกลางวัน)*
13.00 – 16.00 น. (วันแรก)	กฏหมายความปลอดภัย และกฏหมายที่เกี่ยวข้อง - กฏหมายแรงงานด้านอาชีวอนามัยและ ความปลอดภัย - กฏหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับอาชีวอนามัย และความปลอดภัย สรุป ซัก – ถาม

วัน / เวลา	หัวข้อบรรยาย
*วันที่สอง* 09.00 – 12.00 น. *12.00* *– 13.00 น.*	องค์กรความปลอดภัย - บทบาทของผู้บริหารเกี่ยวกับความปลอดภัย - การจัดองค์กรความปลอดภัย *พัก (รับประทานอาหารกลางวัน)*
13.00 – 16.00 น.	การจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยใน การทำงาน - แนวคิดการจัดระบบการจัดการอาชีวอมามัย และความปลอดภัยแบบยั่งยืน - โปรแกรมกิจการการดำเนินงาน สรุป ซัก - ถาม

หมายเหตุ มีใบรับรองหลักสูตร

หลักสูตร การทำงานในสถานที่อับอากาศอย่างปลอดภัย (ใบรับรอง ประกาศนียบัตร)

วัตถุประสงค์

เพื่อให้ผู้เข้ารับการสัมมนา บรรลุสิ่งต่อไปนี้ :-

1. ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในที่อับอากาศได้รับทราบถึงบทบาทและหน้าที่ ของตนตามกฎหมายกำหนด

2. ได้รับทราบและเข้าใจถึงอันตรายในที่อับอากาศและวิธีการปฏิบัติงานในพื้นที่อับอากาศที่ถูกต้องและปลอดภัย

3. ได้รับทราบขั้นตอนต่าง ๆ เกี่ยวกับการทำงานในที่อับอากาศ

ผู้เข้าสัมมนา ผู้เกี่ยวข้องกับการทำงานในที่อับอากาศ จำนวนไม่เกิน 40 คน/รุ่น

ระยะเวลา 1 วัน (6 ชั่วโมง)

กำหนดการสัมมนา

วัน / เวลา	หัวข้อบรรยาย
09.00 – 12.00 น.	Ø ความหมายและชนิดของที่อับอากาศ Ø กฎหมายแรงงานที่เกี่ยวข้องกับที่อับอากาศ Ø บทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน ในที่อับอากาศ Ø อันตรายในที่อับอากาศ Ø การประเมินสภาพงานและการเตรียมความพร้อมในที่อับอากาศ
12.00 – 13.00 น.	พัก (รับประทานอาหารกลางวัน)
13.00 – 16.00 น.	Ø วิธีการปฏิบัติงานในพื้นที่อับอากาศที่ถูกต้องและปลอดภัย Ø ระบบการขออนุญาตทำงานในที่อับอากาศและการขอยกเลิก Ø เทคนิคการตรวจสอบสภาพอากาศ ในที่อับอากาศ Ø เทคนิคการระบายอากาศ Ø อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลที่ใช้ในที่อับอากาศ Ø สรุป ซัก – ถาม

หมายเหตุ มีใบรับรองหลักสูตร

หลักสูตรดับเพลิงขั้นพื้นฐาน โครงการอบรมการดับเพลิงขั้นพื้นฐาน ( ตามกฎหมาย )

( Basic Fire Fighting Course )

หลักการและเหตุผล

โดยที่ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การป้องกันและระงับอัคคีภัยในสถานประกอบการเพื่อความปลอดภัยในการทำงานสำหรับลูกจ้าง ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๔ ข้อ ๑๙ ( ๓ ) กำหนดให้นายจ้างต้องจัดให้ลูกจ้างเข้ารับการฝึกอบรมดับเพลิงขั้นต้น ไม่น้อยกว่าร้อยละสี่สิบของจำนวนลูกจ้างในแต่ละหน่วยงานของสถานประกอบการ เพื่อให้ลูกจ้างมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการดับเพลิงขั้นต้น

วัตถุประสงค์

เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมได้รู้จัก ทฤษฎีการเกิดเพลิงไหม้ , การแบ่งประเภทของไฟ , จิตวิทยาเมื่อเกิดอัคคีภัย , การป้องกันแหล่งกำเนิดของการติดไฟ , วิธีการดับเพลิงประเภทต่างๆ , เครื่องมือดับเพลิงชนิดต่างๆ , วิธีการใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลที่ใช้ในการดับเพลิง , แผนป้องกันและระงับอัคคีภัย , การจัดระบบป้องกันและระงับอัคคีภัย และการประยุกต์ใช้ระบบและอุปกรณ์ที่มีอยู่ในสถานประกอบการ รวมถึงฝึกการใช้เครื่องมือดับเพลิงเบื้องต้น เพื่อที่ผู้เข้ารับการอบรมสามารถนำความรู้ที่ได้รับ มาป้องกันและควบคุมการเกิดอัคคีภัยระยะเริ่มต้นในหน่วยงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ภาคทฤษฏี

ทฤษฏีการเกิดเพลิงไหม้

การป้องกันแหล่งกำเนิดของการติดไฟ

การแบ่งประเภทของเพลิง

วิธีการดับเพลิงประเภทต่างๆ

ชนิดของเครื่องดับเพลิง

อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลป้องกันในการดับเพลิง

จิตวิทยาเมื่อเกิดเพลิงไหม้

แผนป้องกันและระงับอัคคีภัย

การจัดระบบป้องกันและระงับอัคคีภัยและการประยุกต์ใช้ระบบและอุปกรณ์ทีมีในสถานประกอบการ

ภาคปฏิบัติ

ฝึกการใช้เครื่องดับเพลิงประเภท เอ บี และซี

ฝึกการดับเพลิงที่เกิดจากก๊าซ น้ำมัน และเชื้อเพลิงประเภทเอ

ฝึกการดับเพลิงประเภทต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานประกอบการ

ฝึกการใช้สัญญาณมือ เปิด-ปิด น้ำดับเพลิง

ฝึกการใช้สายส่งน้ำดับเพลิงและหัวฉีด

สาธิตการดับเพลิงประเภทดี โดยวิทยากร

ระยะเวลา 2 วัน

หลักสูตร เทคนิคการสัมภาษณ์ด้วย Competency

(Competency Based Interview)

หลักการและเหตุผล

· การสัมภาษณ์ ยังเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการคัดเลือกคนอยู่หรือไม่ ?

· ทำไมการสัมภาษณ์ในปัจจุบันจึงยังการคัดเลือกคน ได้ไม่ดีพอ ?

· มีชุดคำถามแบบใดแน่ที่มีประสิทธิภาพในการค้นหาความรู้ความสามารถจากตัวผู้สมัครได้จริง ?

· การค้นหา STAR ในตัวผู้สมัครควรทำอย่างไร?

ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการคัดเลือกทุกระดับไม่ว่าจะเป็น เจ้าหน้าที่ในสายงานทรัพยากรมนุษย์ หัวหน้างาน ผู้จัดการฝ่าย ผู้อํานวยการฝ่าย หรือผู้นำสูงสุดขององค์กร ล้วนแล้วแต่ต้องวนเวียนอยู่กับขั้นตอนต่างๆของการสัมภาษณ์ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสัมภาษณ์ส่วนใหญ่มักอาศัยประสบการณ์เฉพาะตนในการสัมภาษณ์ แต่สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์น้อยทำให้เสียโอกาสที่จะได้ผู้สมัครที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสม หรือบางครั้งไม่สามารถแยกแยะระหว่างผู้ที่ความรู้ความสามารถกับผู้ที่เตรียมตัวเพื่อรับการสัมภาษณ์มาอย่างดี

หลักสูตรเทคนิคการสัมภาษณ์ด้วย Competency จะช่วยลดปัญหานี้โดยจะช่วยให้ผู้สัมภาษณ์ได้คัดเลือกผู้สมัครได้อย่างเที่ยงตรง แม่นยำ สามารถแยกแยะระดับของCompetency ของผู้สมัครได้อย่างชัดเจนและตรงตามความต้องการขององค์กรมากยิ่งขึ้น

วัตถุประสงค์

1. ให้ผู้รับการอบรมทราบแนวทางการประยุกต์ใช้ Competency

2. ให้ผู้รับการอบรมทราบวิธีการและขั้นตอนการสัมภาษณ์ด้วยCompetency

3. ให้ผู้รับการอบรมมีทักษะการสัมภาษณ์ สามารถแยกระดับของ Competency ของผู้สมัครได้

หัวข้อการบรรยาย

· ความหมายและคำจำกัดความของ Competency

· ความสำคัญของ Competency

· แบบต่างๆ ของ Competency

· วิธีการประยุกต์ใช้ Competency ในงานบริหารงานบุคคล (HRM & HRD)

· ความสำคัญของการสัมภาษณ์

· การทำความเข้าใจใจวิธีการและเครื่องมือ

· การเตรียมการก่อนสัมภาษณ์

· เทคนิคการถามแบบสืบค้นด้วย STAR

· การให้คะแนนระดับของ Competency

· การสรุปตัดสินใจในภาพรวม

· การฝึกปฏิบัติรายบุคคล

ระยะเวลา 1 วัน

หลักสูตร “เทคนิคการรับฟังและจัดการปัญหาข้อร้องเรียนลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ”

Customer Complaint Strategies “Road” to Success

หลักการและเหตุผล

แหล่งที่มาของข้อมูลประสบการณ์ลูกค้าปกติจะมาจากข้อร้องเรียนของลูกค้า แต่มีหลายธุรกิจที่ไม่เห็นความสำคัญหรือมีการตอบสนองล่าช้า ข้อมูลการร้องเรียนเหล่านี้บริษัทจำเป็นต้องนำมาพิจารณาแก้ไขและจัดการอย่างเป็นระบบ รวดเร็ว และทำอย่างเชิงรุก ตลอดจนรักษาความพึงพอใจสูงสุดเพื่อรักษาลูกค้าไว้กับบริษัทตลอดไป ดังนั้นผู้ทำหน้าที่ต้อนรับและบริการจำเป็นต้องรู้ถึงเทคนิคของการบริหารจัดการกับข้อร้องเรียนต่าง ๆ ได้อย่างเป็นระบบแบบมืออาชีพ การอบรม/สัมมนาเชิงปฏิบัติการหลักสูตร “เทคนิคการรับฟังและการจัดการปัญหาข้อร้องเรียนลูกค้า อย่างมีประสิทธิภาพ (Effective Listening & Handling Complaint for Quality & Product : Workshop)” โดยใช้เกมท้าทายอัตตาสลับการบรรยาย (Ego Challenge Game and Short Lecture) เป็นแนวทางการพัฒนาบุคลากรด้านการดูแลลูกค้า (Patient Care) ที่ได้รับประสบการณ์เรียนรู้ตรงเกี่ยวกับการพัฒนาวิธี การคิด ทัศนคติ ความรู้ และทักษะที่ถูกต้องเหมาะสมที่มีความสนุกสนาน ตื่นเต้น ท้าทาย และได้สาระประโยชน์ในการบริหารจัดการข้อร้องเรียนจากลูกค้าได้ในระดับมืออาชีพ

เป้าหมายและสิ่งที่ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับ

1. มีวิธีการคิดและทัศนคติที่ถูกต้องเหมาะสมเกี่ยวกับการบริหารข้อร้องเรียนลูกค้า

2. มีความรู้ความเข้าใจในแนวคิด ทฤษฎี และหลักการบริหารจัดการปัญหาข้อร้องเรียนลูกค้า อย่างมีประสิทธิภาพ

3.ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการบริหารจัดการปัญหาข้อร้องเรียนลูกค้าที่เป็นระบบแบบมืออาชีพ

4.ฝึกปฏิบัติการจัดปัญหาข้อร้องเรียนของลูกค้าด้วยกลยุทธ์และเทคนิควิธีการต่าง ๆ ในสถานการณ์จำลอง

(Role Play)

รายละเอียดหลักสูตรเนื้อหาวิชา

1. ทัศนคติที่ถูกต้องเมื่อถูกลูกค้าร้องเรียน

2. เทคนิคการใช้คำพูดในเชิงบวก และการใช้คำถามเพื่อขอข้อมูลลูกค้าอย่างสร้างสรรค์

3. เคล็ดลับการจัดการกับคำตำหนิของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ

4. วิธีการรับมือกับลูกค้าที่ยุ่งยากผิดปกติ

· การวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า

· การวิเคราะห์สาเหตุของความไม่พอใจของลูกค้า

· การวิเคราะห์ข้อร้องเรียนของลูกค้า

· การเปลี่ยนข้อร้องเรียนของลูกค้าให้เป็นโอกาส

5. ฝึกปฏิบัติ ทักษะการฟัง การอธิบาย การปฏิเสธ และเทคนิคการเข้าใจความรู้สึกของลูกค้า

6. กระบวนการในการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนที่เกิดขึ้นขณะปฏิบัติหน้าที่ตามแนวทาง “ICARE”

· I : Intend

· C : Clarification

· A : Action

· RE : Recovery

7. ระบบการบริหารจัดการกับข้อร้องเรียน

· การตอบเรื่องร้องเรียน

· การป้องกันและลดข้อร้องเรียน

· ความผิดพลาดที่มักพบบ่อยๆ เมื่อถูกลูกค้าร้องเรียน

· การวัดประสิทธิภาพในการบริหารข้อร้องเรียน

8. ฝึกปฏิบัติ การแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนในสถานการณ์ต่างๆ

· การฝึกปฏิบัติแบบพบตัว

· การฝึกปฏิบัติแบบทางโทรศัพท์

9. การวัดประสิทธิภาพในการบริหารข้อร้องเรียน – วิธีประเมินผลการจัดการข้อร้องเรียน

· การบริหารจัดการข้อร้องเรียนอย่างเป็นระบบ

· การวัดประสิทธิภาพในการจัดการกับข้อร้องเรียน

· การป้องกันความผิดพลาดจากการข้อร้องเรียน

รูปแบบ / เครื่องมือการฝึกอบรม

1. เกมทางจิตวิทยา (Psychology Games)

2. เกมการบริหารสลับการบรรยาย (Management Game and Short Lecture)

3. กิจกรรมกลุ่มปฏิบัติการ (Workshop)

4. แบบทดสอบ “ประเมินคุณลักษณะของนักบริหารข้อร้องเรียนระดับมืออาชีพ”

ระยะเวลา 1 วัน

หลักสูตร “การเขียนภาษาไทยเชิงธุรกิจอย่างมีประสิทธิผล”

หลักการและเหตุผล

การใช้ภาษาไทยเพื่อติดต่อสื่อสารกับบุคคลทั่วไปนั้นเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของคนไทย และสำหรับการปฏิบัติงานในองค์กรธุรกิจของไทยก็เช่นกัน เราจำเป็นต้องใช้ภาษาไทยในการสื่อสารกับบุคลากรทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อถ่ายทอดข้อมูลในเรื่องต่างๆ อันจะส่งผลให้องค์กรสามารถดำเนินงานต่อไปได้และบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ตั้งไว้ ดังนั้น ผู้ปฏิบัติงานในองค์กรธุรกิจทุกแห่งในประเทศไทยจึงสมควรมีพื้นฐานความรู้ภาษาไทยเป็นอย่างดี มีความระมัดระวังในการใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง เพราะการผิดเพี้ยนไปเพียงเล็กน้อยก็อาจส่งผลเสียต่อองค์กรได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเขียนจดหมายโต้ตอบ การนำเสนอบันทึกหรือรายงานต่างๆ ถ้าผู้เขียนสามารถใช้ภาษาไทยได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมแล้ว ย่อมช่วยให้ผู้ที่ติดต่อด้วยเกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง เชื่อมั่น และศรัทธา ซึ่งจะนำไปสู่ผลประโยชน์ขององค์กรในที่สุด

วัตถุประสงค์

เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถเขียนบันทึก จดหมาย และรายงานต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง สละสลวย เป็นเหตุเป็นผล กระชับ และลำดับเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน

เนื้อหาการฝึกอบรม

1. ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการเขียนภาษาไทยเชิงธุรกิจ

2. ขั้นตอนในการเขียนเชิงธุรกิจอย่างมีประสิทธิผล

3. หลักการใช้ภาษาไทยเชิงธุรกิจ

- การใช้คำและประโยคที่ถูกต้อง

- การเชื่อมคำและประโยค

4. การเขียนจดหมาย

- รูปแบบของจดหมาย

- หลักการเขียนจดหมายธุรกิจ

5. การเขียนบันทึกข้อความ

- รูปแบบของบันทึก

- หลักการเขียนบันทึกทางธุรกิจ

- หลักการเขียนบันทึกรายงาน

6. การเขียนรายงานประเภทต่าง ๆ (รายงานความก้าวหน้า รายงานกิจกรรม รายงานแสดงความคิดเห็น และรายงานการ ประชุม)

- ทำไมคนถึงไม่อยากอ่านรายงาน

- ภาษาที่ใช้ในการเขียนรายงาน

- การนำเสนอข้อมูลให้อ่านง่าย

- ตัวอย่างของรายงานประเภทต่าง ๆ

ระยะเวลาในการฝึกอบรม 1 วัน

หลักสูตร การแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนจากลูกค้า และการให้บริการอย่างมืออาชีพ

(PROACTIVE CUSTOMER COMPLAINT MANAGEMENT)

หลักการและเหตุผล

การที่องค์กรธุรกิจแห่งหนึ่งจะประสบความสำเร็จได้นั้นมิได้มาจากการผลิต สินค้าที่ดีมีมาตรฐานเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงการบริการให้ลูกค้าให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนต่างๆ ที่ทำให้ลูกค้าเกิดความไม่พอใจ ไม่ว่าจะเป็นในตัวสินค้า บริการ มารยาทของพนักงาน ฯลฯ ซึ่งถ้าองค์กรนั้นไม่ได้ให้ความสำคัญในจุดนี้เพียงพออาจก่อให้เกิดผลเสียใน ระยะยาวต่อผลการดำเนินการและความมั่นคงของธุรกิจ หลักสูตรนี้ออกแบบมาเพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้ทราบแนวคิดของการแก้ไข ปัญหาที่เกิดจากข้อร้องเรียนของลูกค้าในรูปแบบที่ถูกต้อง รวมถึงการแก้ไขปัญหาแบบเบ็ดเสร็จด้วย SERVICE RECOVERY PROGRAM และการกำหนดขั้นตอนและกลยุทธ์ในการแก้ไขปัญหาการร้องเรียนจากลูกค้าอย่างมี ระบบ นอกจากนี้ยังจะได้เรียนรู้ถึงการจัดการปัญหาการร้องเรียนจากลูกค้าแบบเชิง รุก เพื่อรักษาภาพลักษณ์และสร้างฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งให้กับองค์กรอีกด้วย

ประโยชน์ที่จะได้รับ

· สามารถจัดการกับปัญหาต่างๆ เมื่อได้รับคำตำหนิร้องเรียนจากลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิผล

· สร้างทัศนคติที่ดีในงานบริการด้วยการเรียนรู้ธรรมชาติและพฤติกรรมของลูกค้า

· เรียนรู้เทคนิคการฟื้นฟูความรู้สึกของลูกค้าเพื่อให้ลูกค้าคงอยู่กับองค์กรตลอดไป

หัวข้อการบรรยาย

1. การสร้างทัศนคติที่ดีในงานบริการด้วยการเรียนรู้ธรรมชาติและพฤติกรรมของลูกค้า

2. เทคนิคการต้อนรับด้วยการจัดการความรู้สึกของลูกค้า

- WHY? DO CUSTOMER COMPLAINT

- WHAT? CUSTOMERS’ EXPECTATIONS

3. การกำหนดนโยบายและขั้นตอนการปฏิบัติขององค์กรในเรื่องคำตำหนิและการร้องเรียนของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ

4. กระบวนการในการดำเนินการฟื้นฟูความรู้สึกของลูกค้า (SERVICE RECOVERY PROGRAM)

- APOLOGIZE

- URGENT RESTATEMENT TECHNIQUE

- EMPATHY TECHNIQUE

- RESTITUTION TECHNIQUE

- FOLLOW UP TECHNIQUE

5. การจัดการกับปัญหาของลูกค้าเชิงรุก

ระยะเวลาในการฝึกอบรม 1 วัน

หลักสูตร กลยุทธ์การบริหาร “ลูกค้าหลัก” อย่างมีประสิทธิภาพ

KEY ACCOUNT MANAGEMENT

หลักการและเหตุผล

ลูกค้าถือเป็นหัวใจหลักของทุกองค์กร โดยจะมีลูกค้าอยู่หลากหลายประเภทด้วยกัน ซึ่งมีประเภทหนึ่งที่แต่ละองค์กรเป็นที่ปรารถนาอย่างมากก็คือลูกค้า Key Account นั้นเอง เพราะลูกค้าประเภทนี้จะเป็นผู้ช่วยคนสำคัญในการผลักดันให้ยอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่องค์กรได้ตั้งไว้ แต่การบริหารงานขายกับลูกค้า Key Account ก็ไม่ใช่เรื่อง

ง่ายมากนัก โดยนักขายในองค์กรเองต้องพบกับอุปสรรคในการทำงานอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

หลักสูตรนี้ ท่านวิทยากรที่มีประสบการณ์ทางด้านงานขาย และการตลาดจากองค์ชั้นนำจะมาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของท่านในการที่จะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในความสำคัญของลูกค้า Key Account พร้อมทั้งเผยกลยุทธ์ในการครองใจลูกค้ารายเดิม, กลยุทธ์เชิงรุกในการเข้าถึงลูกค้า Key Account รายใหม่ให้ทันคู่แข่งขัน และหลักการกำหนด KPI เพื่อการติดตามและประเมินผลการบริหารลูกค้า Key Account ตลอดจนกลเมล็ดต่างๆ ที่จะช่วยให้ท่านสามารถนำไปบริหารงานขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วัตถุประสงค์

1. เพื่อเสริมความเข้าใจในการบริหารงานขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

2. เพื่อเพิ่มสูตรความสำเร็จในการทำงานของตนเอง

3. เพื่อการเติบโตทางธุรกิจที่ดีขององค์กร

เนื้อหาหลักในการสัมมนา หลักสูตร 1 วัน

Ø ความสำคัญของ Key Account ตามกฎ 80/20

Ø การคัดสรรและระบุลูกค้าที่เป็น Key Account

Ø บทบาทของ Key Account Manager

Ø กลยุทธ์เชิงรุกในการเข้าถึงลูกค้า Key Account กลุ่มใหม่

Ø กลยุทธ์ในการรักษา และพัฒนาลูกค้า Key Account กลุ่มเดิม

Ø การบริหารจัดการการบริการกับลูกค้า Key Account ด้วยการวิเคราะห์มิติ SERVQUAL และ Service Performance Matrix

Ø กลยุทธ์ CRM ในการสร้างสัมพันธ์กับลูกค้า Key Account ที่แตกต่างกันแต่ละรายตามหลัก Disc และ NLP

Ø การประยุกต์กลยุทธ์ Experiential Marketing เพื่อนำมาใช้บริหาร

Ø ประสบการณ์กับลูกค้า Key Account

Ø การจัดทำแผนปฏิบัติการในการบริหารลูกค้า Key Account

Ø การกำหนด KPI เพื่อการติดตามและประเมินผลการบริหารลูกค้าKey Account

ระยะเวลา 1 วัน

หลักสูตร Project Management

หลักการและเหตุผล

การบริหารโครงการ คือ การจัดการ การใช้ทรัพยากรต่างๆ ที่มีอยู่อย่างเหมาะสมและสมบูรณ์ที่สุด เพื่อให้การดำเนินโครงการบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ตลอดจนความร่วมมือของทีมงาน มีกำหนดเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุด การดำเนินงานจะอยู่ภายใต้ข้อจำกัดงบประมาณ และคุณภาพของงานตามเป้าหมาย

วัตถุประสงค์

1. เพื่อเรียนรู้ความสำคัญของการบริหารโครงการ

2. เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารโครงการ

3. เพื่อกำหนดเวลาโครงการและการจัดการทรัพยากร

4. เพื่อใช้หลักการกำหนดงบประมาณโครงการ

5. เพื่อเรียนรู้ขั้นตอนการวางแผนและควบคุมโครงการ

หัวข้อบรรยาย

· ความหมายและความสำคัญของโครงการ

· วงจรชีวิตของโครงการ

· หลักการบริหารโครงการ

· วิธีการกำหนดและเขียนแผนโครงการ

· วิธีการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ (Project Feasibility Study)

· วิธีการวิเคราะห์ทางการเงินและความคุ้มค่าของโครงการ

· รูปแบบโครงสร้างองค์กรเพื่อการบริหารโครงการ

· วิธีวางแผนและควบคุมโครงการด้วย PERT/CPM

· วิธีการวิเคราะห์เส้นวิกฤต

· วิธีการจัดสรรทรัพยากรเพื่อการเร่งรัดโครงการ

· วิธีการติดตามและควบคุมโครงการ

· ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารโครงการ : เอกสารและรายงานต่างๆ

· วิธีการยุติโครงการ

· โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับบริหารโครงการ Microsoft Project, Quick net

· กรณีศึกษา

ระยะเวลา 1 วัน

หลักสูตร “ทักษะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ (Effective Communication Skill)”

หลักการและเหตุผล

เนื่องจากการทำงานในปัจจุบันมักมีปัญหาในการติดต่อประสานงานระหว่างบุคคลแล้วยังมีปัญหาในการสื่อสาร การรับรู้ การถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารและการติดต่อประสานงาน อันเนื่องมาจากปัญหาความไม่เข้าใจกัน การจดจำมีภาพในด้านลบของกันและกัน เป็นผลให้มีทัศนคติในทางลบ ตลอดจนความรู้สึกไม่ไว้วางใจระหว่างกัน เกิดเป็นปัญหาช่องว่าง มากไปด้วยข่าวลือ สุดท้ายก็ไม่มีใครทำหน้าที่แก้ไขทำให้การทำงานร่วมกันเหมือนคนแปลกหน้า ยึดกฎเกณฑ์ระเบียบอย่างมากเพื่อไม่ให้เกิดผลร้ายต่อตนเองและต่อหน่วยงานของตน หากปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขก็จะลุกลามไปถึงการไม่อยากจะคิดริเริ่มเปลี่ยนแปลงและไร้ระเบียบวินัย ดังนั้นการจัดกิจกรรมเรียนรู้เกี่ยวกับการสื่อสารในรูปแบบการได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ได้ศึกษาความเป็นตัวตนของกันและกัน โดยอาศัยความไม่เป็นทางการอันจะนำมาซึ่งความเข้าใจในมุมมองที่ตรงข้ามได้ดีขึ้น โครงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมใหม่ในการทำงาน โดยใช้เกมท้าทายอัตตาสลับการบรรยาย (Ego Challenge Game & Short Lecture) หลักสูตร “ทักษะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ (Effective Communication Skill)” เป็นแนวทางการพัฒนาบุคลากรที่สนุกสนาน ตื่นเต้น ท้าทาย เข้าใจง่าย ได้สาระประโยชน์ที่ใช้ปรับปรุงและการพัฒนาทีมงานได้อย่างเป็นรูปธรรม

เกมการบริหารสลับการบรรยาย ตั้งอยู่บนแนวความคิดที่ว่าการที่จะพัฒนาวิธีการคิด ทัศนคติ ความรู้ และทักษะที่จำเป็นต่อการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพนั้นลำพังแค่ฟังการบรรยายในห้องเรียนแต่เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการสร้างความรู้ความเข้าใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งความเต็มใจที่จะนำเอาแนวคิด และหลักการที่ได้จากกิจกรรมการฝึกอบรมไปประยุกต์ใช้ในการทำงานจริง แต่จะต้องสร้างสถานการณ์สมมติที่ก่อให้เกิดการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคลให้บรรลุเป้าหมายภายใต้เวลาที่กำหนดเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ การยอมรับ และเกิดการปรับเปลี่ยนทัศนคติด้วยตนเอง

เกมท้าทายอัตตา (Ego Challenge Game) เป็นกระบวนการเบื้องต้นของการเรียนรู้ซึ่งผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง ค้นพบตนเอง โดยอาศัยตนเองและกระแสกลุ่มเป็นผู้ช่วย เรียนรู้การทำงานโดยทีม การสื่อสารสองทาง การรับรู้ การเป็นผู้ให้ การเป็นผู้รับ และความไว้วางใจผู้อื่น

เป้าหมายของการเล่น Ego Challenge Game เป็นการพัฒนาศักยภาพแห่งตน (self potential) ให้มีการเติบโตเข้มแข็งทางกาย (physical growth & strength) และเข้มแข็งภายในจิตใจ (inner growth & strength) โดยมีการผสมผสานกับความร่วมมือเป็นทีม (team building) กับผู้อื่น รู้จักการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน (supporting) ซึ่งกันและกัน เป็นทั้งผู้ให้ (giver) และผู้รับ (receiver) ที่ดี

จุดสำคัญ คือการผ่านทะลุจุด (impasse) ซึ่งเราคิดว่าทำไม่ได้ (can not) เป็นไปไม่ได้ (impossible) ทนไม่ได้ (unbearable) และความหวาดระแวงผู้อื่น (untrust) เป็นต้น

วัตถุประสงค์ของโครงการฝึกอบรม/สัมมนา

1. เพื่อสร้างความสนิทสนมคุ้นเคย สมัครสมานสามัคคี และสร้างบรรยากาศการทำงานแห่งมิตรภาพเพื่อการประสานงานกันอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพหลังเสร็จสิ้นโครงการ

2. เพื่อพัฒนาขีดความสามารถและเตรียมความพร้อมที่จำเป็นต่อการทำงานสมัยใหม่ ภายใต้สภาวะการแข่งขันและเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกองค์กร ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงแนวคิดใหม่ (Paradigm) ทัศนคติ (Attitude) ความรู้ (Knowledge) และทักษะ (Skill) ที่จำเป็นต่อการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพในการสื่อสารให้บรรลุเป้าหมาย

3. เพื่อให้สามารถวิเคราะห์และแจกแจงพฤติกรรม หรือวัฒนธรรมการทำงานที่มีผลกระทบต่อการดำเนินการและการบรรลุเป้าหมายขององค์กรอันจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมใหม่ในการสื่อสาร

รายละเอียดหลักสูตรเนื้อหาวิชา

1. จิตวิทยาพื้นฐานของการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคล (Interpersonal Communication)

1.1 แนวคิดและ ทฤษีการติดต่อสื่อสารในองค์กร

• เทคนิคการสื่อสารแบบ Transactional Analysis (P – A – C)

• เทคนิคการสื่อสารแบบเปิด (Opened Communication)

• ระบบเครือข่ายการสื่อสารระหว่างบุคคล

1.2 กระบวนการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคล (Interpersonal Communication Process)

• ลักษณะและรูปแบบการติดต่อสื่อสารที่ดีและมีประสิทธิภาพ

• ระบบการสื่อสารระหว่างบุคคล

• บัญญัติ 10 ประการในการสื่อข้อความที่ดี

• ศิลปะการฟัง

1.3 เทคนิคและวิธีการปรับปรุงการสื่อสารในองค์กร

• อุปสรรคที่ทำให้การสื่อสารไม่บรรลุผล

• ลักษณะของผู้ที่มีปัญหาในการสื่อข้อความ

• การพัฒนาและปรับปรุงรูปแบบ และวิธีการสื่อสาร

• การสร้างมาตรฐานการประพฤติปฏิบัติที่พึงประสงค์ในการสื่อสาร

3. การสื่อสารเพื่อการประสานงานอันจะก่อให้เกิดความร่วมมือ

3.1 การพัฒนาและปรับปรุงรูปแบบ และวิธีการติดต่อประสานงาน

3.2 เทคนิคและวิธีการสร้างความร่วมมือ

3.3 ยุทธวิธีการประสานงานระหว่างคน – คน และคน - หน่วยงาน

3.4 หลักการติดต่อประสานงานข้ามสายงาน (Cross Functional)

3.5 อุปสรรคในการติดต่อประสานงาน

รูปแบบ / เครื่องมือการฝึกอบรม

1. เกมทางจิตวิทยา (Psychology Game)

2. เกมท้าทายอัตตาสลับการบรรยาย (Ego Challenge Game and Short Lecture)

3. กิจกรรมกลุ่มปฏิบัติการ (Workshop)

ระยะเวลา 1 วัน

หลักสูตร “….. GOOD & SMARTER TEAM

หลักการและเหตุผล

เนื่องจากการทำงานในปัจจุบันมักมีปัญหาในการประสานงานระหว่างหน่วยงาน ระหว่างบุคคล ทั้งในระดับปฏิบัติการและระดับบริหารแล้วยังมีปัญหาในการสื่อสาร การรับรู้ และการถ่ายทอดข้อมูลข่าวสาร อันเนื่องมาจากปัญหาความไม่เข้าใจกัน การจดจำมีภาพในด้านลบของกันและกัน เป็นผลให้มีทัศนคติในทางลบ ตลอดจนความรู้สึกไม่ไว้วางใจระหว่างกัน เกิดเป็นปัญหาช่องว่าง มากไปด้วยข่าวลือ สุดท้ายก็ไม่มีใครทำหน้าที่แก้ไขทำให้การทำงานร่วมกันเหมือนคนแปลกหน้า ยึดกฎเกณฑ์ระเบียบอย่างมากเพื่อไม่ให้เกิดผลร้ายต่อตนเองและต่อหน่วยงานของตน หากปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขก็จะลุกลามไปถึงการไม่อยากจะคิดริเริ่มเปลี่ยนแปลง ไม่เสียสละทำงานนอกหน้าที่ ตลอดจนการมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อการตั้งเป้าหมายการทำงานที่สูงและลักษณะงานที่มีความท้าทาย

ดังนั้นการจัดกิจกรรมเรียนรู้และพัฒนาทีมงานในรูปแบบการได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ได้ศึกษาความเป็นตัวตนของกันและกัน โดยอาศัยความไม่เป็นทางการอันจะนำมาซึ่งความเข้าใจในมุมมองที่ตรงข้ามได้ดีขึ้น โครงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมใหม่ในการทำงานร่วมกัน โดยใช้เกมการบริหารสลับการบรรยาย และเกมท้าทายอัตตา (Ego Challenge game) หลักสูตร “Petrogreen Smarter Team” เป็นแนวทางการพัฒนาบุคลากรที่สนุกสนาน ตื่นเต้น ท้าทาย เข้าใจง่าย ได้สาระประโยชน์ที่ใช้ปรับปรุงและการพัฒนาทีมงานได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยมุ่งเน้นให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเกิดทัศนคติและจิตสำนึกที่ดีต่อตนเอง เพื่อนร่วมงาน และองค์กร ด้วยวิธีการทำงานรวมพลังกันเป็นทีม ร่วมมือร่วมใจ เสียสละ สามัคคี และผลักดันให้ผลงานของทีมบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายได้

เกมการบริหารสลับการบรรยาย (Management game) ตั้งอยู่บนแนวความคิดที่ว่าการที่จะพัฒนาทัศนคติ วิธีการคิด ความเข้าใจ และและทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานร่วมกันของกลุ่มคนที่มีความแตกต่างกันนั้น ลำพังแค่ฟังการบรรยายในห้องเรียนแต่เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการสร้างความรู้ความเข้าใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเต็มใจที่จะนำเอาแนวคิด และหลักการที่ได้จากกิจกรรมการฝึกอบรมไปประยุกต์ใช้ในการทำงานจริง แต่จะต้องสร้างสถานการณ์สมมติที่ก่อให้เกิดความร่วมมือร่วมใจ การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน การทำงานร่วมกันให้บรรลุเป้าหมายภายใต้เวลาและทรัพยากรการทำงานที่มีอยู่อย่างจำกัดเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ ยอมรับ และเกิดการปรับเปลี่ยนทัศนคติด้วยตนเอง จนกระทั่งสามารถปรับเปลี่ยนอุปนิสัยหรือวิถีทางในการทำงานให้เป็นไปตามมาตรฐานการประพฤติปฏิบัติที่พึงประสงค์

วัตถุประสงค์ของโครงการฝึกอบรม/สัมมนา

2. เพื่อพัฒนาขีดความสามารถและเตรียมความพร้อมที่จำเป็นต่อการทำงานสมัยใหม่ ภายใต้สภาวะการแข่งขันและเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกองค์กร ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงแนวคิดใหม่ (Paradigm) ทัศนคติ (Attitude) ความรู้ (Knowledge) และทักษะ (Skill) ที่จำเป็นบางอย่างในการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกันเป็นทีมให้บรรลุเป้าหมาย

กิจกรรมและเครื่องมือการฝึกอบรม/สัมมนา

เกมการละลายพฤติกรรม (Ice Breaking) / กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ (Group Dynamics)

เกมการบริหารสลับการบรรยาย (Management Game and Short Lecture)

เกมท้าทายอัตตา (Ego Challenge Game)

รายละเอียดหลักสูตรเนื้อหาวิชา

1. การเตรียมความพร้อมสู่การแข่งขันด้วยพลังทีม

1.1 เริ่มต้นที่ตัวบุคลากร

• ปรับรูปแบบความคิดใหม่ (Paradigm)

• พัฒนาและปรับปรุงพฤติกรรมส่วนตัว

• วัฒนธรรมการทำงานที่เป็นปัญหาต่อความสำเร็จขององค์กร

1.2 การพัฒนาและปรับปรุงรูปแบบการทำงานร่วมกันเป็นทีม

• ความสำคัญของการทำงานร่วมกันเป็นทีม

• ลักษณะและรูปแบบของการการทำงานร่วมกันเป็นทีมแนวใหม่

1.3 การพัฒนาทัศนคติและทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานร่วมกันเป็นทีม

• มีการประสานงานกันอย่างมีประสิทธิภาพ (Cross Functional)

• มีการสื่อสารอย่างเปิดเผยและจริงใจ (Open Communication)

• มีเป้าหมายในการทำงานร่วมกันในระดับสูง

• มีการทำงานที่มีความท้าทาย

• การปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันในแนวลึกและแนวกว้าง

• มีการแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ซึ่งกันและกัน (Sharing)

• การแก้ปัญหาความขัดแย้งภายในทีมเพื่อก่อให้เกิดความร่วมมือ

• มีการให้เกียรติและไว้เนื้อเชื่อใจกันในทีม

• มีการสนับสนุนและช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

• มีความสามารถในการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง

• มีการจัดการปัญหาข้อขัดแย้งเพื่อก่อให้เกิดความร่วมมือร่วมใจ

2. ลักษณะของทีมงานที่ดีและมีประสิทธิภาพ : ทีมที่มีผลการปฏิบัติยอดเยี่ยม

2.1 ทำไมทีมจึงประสบความล้มเหลว

2.2 หลักการของทีมที่มีผลการปฏิบัติงานสูง

3. องค์ประกอบที่จำเป็นต่อการทำงานร่วมกันเป็นทีมแนวใหม่

3.1 องค์ประกอบด้านสมาชิกกลุ่ม

3.2 องค์ประกอบด้านผู้นำกลุ่ม

3.3 องค์ประกอบด้านการจัดรูปแบบภายในทีม

ระยะเวลา 1 วัน

หลักสูตร การป้องกันการทุจริตในองค์กร

หลักการและเหตุผล

ไม่มีธุรกิจใดเลยสักแห่งเดียวที่รอดพ้นจากการทุจริตฉ้อโกง ธุรกิจและองค์กรสาธารณะ ทั้งหลายในทุกซอกทุกมุมของโลกนี้ล้วนต้องเผชิญกับการลักขโมย การกินสินบน และการฉ้อราษฎร์บังหลวง ที่เกิดจากพนักงาน ผู้ขาย และแม้กระทั่งคนแปลกหน้า เมื่อต้องเผชิญปัญหาร้ายแรงเช่นนี้ ท่านจะพัฒนาองค์กรให้ต่อต้านการทุจริตคิดมิชอบได้อย่างไร และท่านจะมีวิธีการหรือเทคนิคอะไรที่จะตรวจจับทุจริตได้ การจับทุจริตที่ดีนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคืออะไร หลาย ๆ คนยังเข้าใจกันผิด ๆ คิดว่า เมื่อมีการทุจริตแล้วจับได้ก็ถือว่า รอดพ้นแล้ว เป็นเช่นนั้นจริงหรือ หรือควรมีวิธีการอื่น ๆ ไหมที่เป็นการลดปัญหาจากการทุจริตได้ คำตอบนี้ท่านจะได้รับทราบจากการสัมมนานี้

หัวข้อการสัมมนา

· ธรรมชาติที่แท้จริงของมนุษย์ VS ที่มาของการทุจริต

· เริ่มต้นก็พลาดแล้ว

· สัญญาณบอกเหตุการณ์ทุจริต

· บัญญัติ 10 ประการ ในการตรวจจับทุจริตในองค์กรของท่าน

· การสอบสวนผู้กระทำการทุจริตเพื่อให้รับผิดและการขยายผลใช้วิธีใด้ จึงจะได้ผลกว่ากัน

· เทคนิคการการจับโกหกฝึกได้ไม่ยาก

· วิธีการป้องกัน การทุจริตแบบง่าย ๆ

· คำถาม - คำตอบ

วัตถุประสงค์ในการสัมมนา

1. เพื่อให้ผู้เข้าสัมมนาได้เข้าใจถึง

2. ที่มาที่ไปของการทุจริตว่าเกิดขึ้นได้จากอะไร

3. มีสัญญาณอะไรเป็นตัวบอกเหตุว่าจะมีทุจริตหรือมีทุจริตเกิดขึ้น

4. เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะตรวจสอบได้อย่างไรมีวิธีการใดบ้างที่มีประสิทธิภาพในการสอบสวนคนทุจริต

5. จะหาวิธีการใดที่ไม่ให้เกิดขึ้นมาอีก

ระยะเวลา 1 วัน

หลักสูตร กลยุทธ์การเจรจาต่อรองอย่างมีประสิทธิภาพ

หลักการและเหตุผล

ความสามารถของฝ่ายหนึ่ง ในการที่จะโน้มน้าว หรือมีอิทธิพลต่ออีกฝ่ายหนึ่งนั้นย่อมนำมาซึ่งความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องใดก็ตาม และแน่นอนที่สุดในการติดต่อกันในเชิงของธุรกิจการค้าหรือระบบอุตสาหกรรม ก็จะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นไปอีก

ในโลกของธุรกิจนั้นคุณจะได้ก็ต่อเมื่อคุณต่อรองชนะถ้าคุณไม่ต่อรองคุณก็ไม่มีทางได้ แม้ว่าสิ่งนั้น มันจะเป็นสิทธิ์ที่คุณควรจะได้ก็ตาม และแม้ว่ามนุษย์สามารถจะพัฒนาทักษะในการต่อรองได้เอง โดยการเรียนรู้จากชีวิตประจำวันและจากประสบการณ์ที่สร้างสมมา แต่กระนั้นก็ตาม การได้เรียนรู้จากบทสรุปของนักต่อรองมืออาชีพหลาย ๆ คนย่อมมีประโยชน์ยิ่งกว่า เพราะคุณสามารถขจัดข้อบกพร่องและจุดบอดต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องไปย่ำเท้าอยู่กับระบบลองผิดลองถูก (Trial and error)

บริษัทเอ็กซ์เซคคิวทีฟ พลัส ขอเสนอสัมมนาเรื่องนี้ขึ้นเพื่อต้องการให้ทราบถึงความรู้

ความเข้าใจในขั้นตอนต่าง ๆ ของการเจรจาต่อรอง มีการวางแผนการต่อรองที่ดี รวมถึงคุณสมบัติของนักเจรจาต่อรองที่ดีนั้น จะต้องปฏิบัติอย่างไร

การเจรจาหัวข้อสัมมนา

· ต่อรองคืออะไร (What is negotiation)

· การต่อรองกับการแก้ปัญหาร่วมกัน (Bargaining VS Problem solving)

· ทฤษฎีของการต่อรอง (Negotiation theory)

· รูปแบบของการต่อรอง (LIM Model)

· ทำการบ้านก่อนลงสนาม (Plan ahead)

· คุณสมบัติของนักเจรจาต่อรอง (Character of negotiator)

· การให้และการรับ (Give and take)

· ดุลย์ถ่วงอำนาจ (Balance of power)

· วางแผนการต่อรองอย่างไร (How to plan your negotiator)

· การทบทวนหลังจากจบการต่อรอง (Post-negotiation reviews)

· วิธีตั้งคำถาม (Utilizing questions)

· กับดัก 9 ประการ (9 trap tactics)

· อากับกริยา (Body language)

· ข้อแนะนำ ข้อห้าม ข้อเตือนใจ (Do and don’t)

· กลเม็ดสกปรก (Dirty tricks)

· การเจรจาเป็นทีม (Bargaining as a team)

· สาธิตการเจรจาต่อรอง (Demonstration)

· ชมตัวอย่างการเจรจาต่อรองจากภาพยนต์ (Sample from movie)

· ตอบปัญหา (Questions and answers)

ระยะเวลา 1 วัน

หลักสูตรการบริหารการเปลี่ยนแปลง

Change Management

วัตถุประสงค์

1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้รับความรู้ ความเข้าใจในเรื่องกระบวนการการเปลี่ยนแปลงในองค์กร

2. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ขั้นตอน และเทคนิคในการบริหารการเปลี่ยนแปลง และการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยอาศัยเครื่องมือ และเทคนิคต่างๆ

3. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ถึงปัญหา อุปสรรคต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ และแนวทางในการป้องกัน แก้ไข

4. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบของผู้นำทีมที่สามารถสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และผู้บริหารทีมที่จะผลักดันให้กิจกรรมเพื่อการเปลี่ยนแปลงดำเนินไปอย่างราบรื่น

เนื้อหาหลักสูตร

§  ความหมายของการบริหารการเปลี่ยนแปลง

§  วิธีการมองการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบ

§  ผลกระทบที่เกิดจาการเปลี่ยนแปลงภายนอก และภายใน

§  ภาวะผู้นำและการบริหารการเปลี่ยนแปลง

§  แนวคิดการบริหารการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบใหม่

§  เทคนิคการบริหารที่มีส่วน สนับสนุนการบริหารการเปลี่ยนแปลง

§  อภิปราย และตอบข้อซักถาม

§  ขั้นตอนในการบริหารการเปลี่ยนแปลง

§  การทำความเข้าใจต่อเรื่อง ความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลง

§  การสร้างความยอมรับ และการลดแรงต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลง

§  กรณีศึกษา

ระยะเวลา 1 วัน

รับจัดฝึกอบรม และสัมมนาตามหลักสูตรดังต่อไปนี้

สนใจติดต่อ 0849091964, 0850627235

หลักสูตร Counseling Technique

หลักการและเหตุผล

ผู้บริหารและ HR ขององค์กรต้องตระหนักว่า พนักงานจะสามารถสร้างผลงานที่ดีเลิศได้ก็ต่อเมื่อเขามีความสุขและความสบายใจในการทำงาน ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่พนักงานเกิดปัญหาหรือความทุกข์ใจ (ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านใดก็ตาม) องค์กรต้องมีช่องทางในการช่วยเหลือพนักงานแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพราะเมื่อปัญหาได้รับการแก้ไขหรือคลี่คลายลง พนักงานก็จะกลับมาทุ่มเทและตั้งใจสร้างผลงานตามที่องค์กรคาดหวังต่อไป

การให้คาปรึกษา (Counseling) เป็นกระบวนการหนึ่งที่มุ่งให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาของพนักงานเมื่อ

พนักงานประสบปัญหาต่างๆ ทั้งที่เป็นเรื่องส่วนตัวและเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน โดยผู้ให้คาปรึกษาจะต้องรับรู้และเข้าใจถึง “อารมณ์และความรู้สึก” (Emotion and Feeling) ของพนักงานในขณะนั้น และพยายามหาทางช่วยเหลือด้วยการพูดคุย ให้กาลังใจ และเป็นที่พึ่งที่ดีในยามที่พนักงานเกิดความทุกข์และต้องการความช่วยเหลือ

หลักสูตรฝึกอบรมนี้ จัดทาขึ้นเพื่อให้ความรู้และเสริมสร้างทักษะเกี่ยวกับเทคนิคการให้คาปรึกษาแก่ HR หรือผู้บริหารขององค์กร ซึ่งจะช่วยให้ HR หรือผู้บริหารขององค์กร ที่ต้องทาหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและให้คาแนะนาแก่พนักงานระดับต่างๆ ได้เรียนรู้เทคนิคในการพูดคุยและช่วยเหลือพนักงานที่มาขอคาปรึกษาได้เบื้องต้น ซึ่งจะทาให้องค์กรทราบปัญหาต่างๆ ของพนักงาน (ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว) ที่ส่งผลกระทบต่อการทางานโดยรวมของพนักงาน และสามารถนาข้อมูลดังกล่าวไปกำหนดแนวทางแก้ไขทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่อไป

ประโยชน์ที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้รับหลังสิ้นสุดการฝึกอบรม

· รู้และเข้าใจหลักการเป็นผู้ฟังที่ดี (Active Listener)

· สามารถใช้เทคนิค I Focus และ You Focus ในการพูดคุยกับพนักงานได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์หรือปัญหา

ที่เกิดขึ้น

· รู้และเข้าใจหลักการตั้งคาถามปลายปิด (Closed Questions) และคาถามปลายเปิด (Opened Questions)

วิธีการฝึกอบรม

หลักสูตรนี้ใช้หลักการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ (Adult Learning Approach) และหลัก Accelerated Learning ที่มุ่งให้

ผู้เรียนเกิดความรู้และประสบการณ์ตรง อีกทั้งยังสามารถนาความรู้และความเข้าใจจากการเรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ในงานของตนได้จริง วิธีการเรียนรู้จึงมุ่งเน้นไปที่การให้ความรู้และการฝึกปฏิบัติจริง (workshop) ในสัดส่วน 20:80 ซึ่งหมายถึง จะมีการบรรยายและให้ความรู้ในเชิงทฤษฎีที่จาเป็นประมาณ 20% และให้ผู้เรียนได้ทา Workshop อีกประมาณ 80% ซึ่ง Workshop

ดังกล่าวจะประกอบวิธีการต่างๆ ดังต่อไปนี้

· การแบ่งกลุ่มอภิปรายและฝึกหัดปฏิบัติ (Group Discussions and Exercises)

· การแสดงบทบาทสมมุติ (Role Play)

ระยะเวลาการฝึกอบรม 1 วัน

หลักสูตร พัฒนาคุณภาพชีวิตสู่สภาวะสมดุล

หลักการและเหตุผล

ถ้า เรามีแค่คำว่า “อยาก” สำเร็จ หรือ “อยาก” รวย แล้วทำให้เรา “สำเร็จ” หรือ “รวย” ป่านนี้คงมีคนรวยเดินชนไหล่กันเต็มท้องถนนไปหมดแล้ว ใช่ไหมคะ? .. มันไม่ง่ายแค่นั้นหรอกค่ะ เราต้องทำอะไรบางอย่างที่มากกว่าแค่คำว่า “อยาก” และความจริงแล้วความ “อยาก” ก็มีตั้งหลายระดับ “อยากน้อย อยากมาก กับ โคตรอยาก” .. แล้วคุณล่ะ.. “อยาก” ระดับไหน

ชีวิตของคนเราเหมือนการไต่ขึ้นภูเขาที่ไม่มียอด เราสามารถประสบความสำเร็จได้มากขึ้นเรื่อยๆ มั่งคั่งร่ำรวยได้มากขึ้นเรื่อยๆ มีความสุขที่ลึกซึ้งได้มากขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งสำคัญอยู่ที่ เราต้องเป็นคนที่ “อยากไต่” อยากก้าวหน้า อยากสำเร็จ อยากร่ำรวย และเราจะต้องเป็นคนที่ “ลงมือไต่” ด้วยตัวของเราเอง!! หลายคนอยากก้าวหน้า อยากประสบความสำเร็จมากกว่าเดิม แต่ไม่ยอมทำงานหนัก ต้องไปติดต่อลูกค้าไกลหน่อย ก็ไม่ไป ต้องเรียนรู้พัฒนาตัวเองเข้าสัมมนาบ้าง ก็ไม่เอา หนังสือไม่เคยอ่าน

คุณสมบัติผู้เข้าอบรม

· คนที่ไม่สำเร็จประปล่อยให้อารมณ์ต่างๆเข้าครอบงำ เช่น ถ้าวันนี้รู้สึกขี้เกียจ ยังไม่อยากทำงาน ก็จะไม่ทำ ในขณะที่คนสำเร็จจะ “ลงมือทำทั้งๆที่ไม่มีอารมณ์ทำ”!!

· คนที่ไม่สำเร็จจะปล่อยให้ความกลัวหยุดยั้งเขาจากการลงมือทำสิ่งต่างๆ แต่คนที่สำเร็จจะ “ลงมือทำทั้งๆที่กลัว”!!

· คนไม่สำเร็จจะปล่อยให้ตัวเองคิดลบ หมดพลังใจ ห่อเหี่ยวจิตตก แต่คนสำเร็จจะคิดบวก รักษาพลังใจของตัวเองไว้ จดจ่อที่จุดหมาย

· คนไม่สำเร็จจะลังเล สงสัย ขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง แต่คนสำเร็จจะสร้างพลังความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นในตัวของเขา

· คนไม่สำเร็จจะยอมพ่ายแพ้ต่อปัญหาและอุปสรรคระหว่างทางที่เขาพบเจอ แต่คนสำเร็จจะ “ยืนหยัดจนกว่าจะสำเร็จ”!!

· และทุกท่านที่สนใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น

· วิธีการนำมาปรับใช้อย่างไร กับตนเองให้เกิดความ สมดุล มากที่สุด

· การสร้างความสุขให้กับตนเอง โดยแนวคิดที่เรียบง่าย ( นำหลักธรรมะมาใช้ให้ รู้จักความพอเพียง )

ระยะเวลา 1 วัน

หลักสูตร “การคิดอย่างเป็นระบบ”

(Systematic Thinking)

หลักการและเหตุผล

เพราะการบริหารการค้าปลีกให้ได้เปรียบคู่แข่งขันจำเป็นต้องมีการวางแผน การวิเคราะห์ และการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบการคิดอย่างเป็นระบบ(Systematic Thinking)จึงเป็นทักษะที่จำเป็น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

วัตถุประสงค์

• เพื่อให้สามารถประยุกต์ศาสตร์ด้านการคิดอย่างเป็นระบบไปใช้ในการวางแผน การวิเคราะห์ และการแก้ปัญหาต่างๆตามสภาวะที่เกิดขึ้นจริงในการทำงาน

• เพื่อกำหนดมาตรฐานของขั้นตอน (template) ในการคิดเพื่อวางแผน วิเคราะห์ และแก้ปัญหาต่างๆในอนาคตอย่างเป็นระบบแบบแผน

หัวข้อสัมมนา

วันแรก

· แนะนำโมเดล A.I.D.O.S.E ซึ่งเป็นกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ เพื่อการแก้ปัญหาเชิงการบริหาร จากทฤษฎีของนักจิตวิทยาเชิงธุรกิจ Dr. Steve Kneeland

o A: Awareness

o I: Information

o D: Definition

o O: Option

o S: Selection

o E: Execution

· การนำเครื่องมือในการคิดมาใช้กับกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบเพื่อแก้ปัญหาในสถานการณ์จริง

o 1. New Product เช่น การนำสินค้าใหม่เข้ามาขายซัก 1 อย่าง จะต้องคิดถึงอะไรบ้าง มี process /เรื่องอะไรมาเกี่ยวข้องบ้าง

§ A: Awareness

· ปัญหาที่ทำให้เกิดการพัฒนา (Do-it Problems)

§ I: Information

· ข้อมูลด้านแนวโน้มของความต้องการของลูกค้าในอนาคตจาก Popcorn’s report

§ D: Definition

· การทำ survey เพื่อกำหนดสินค้า

§ O: Option

· การกำหนดสินค้าที่มีความสัมพันธ์กัน

§ S: Selection

· การคิดหาข้อพิจารณาในการทำ weighted rating

§ E: Execution

· อุปสรรคและการกำจัดอุปสรรคในการลงมือปฏิบัติ

o 2. ยอดขายตก เป็นเพราะอะไร ตกทุกสาขา หรือ บางสาขา หรือ บาง zone, จัดกลุ่มสาขาอย่างไร , มีคิดว่ามีปัจจัยอะไรมาเกี่ยวข้องบ้าง

§ A: Awareness

· ปัญหาที่ต้องแก้ไข (Fix-it Problems)

§ I: Information

· การหาตัวแปรด้านเวลา คน และสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับปัญหา

§ D: Definition

· การหาความแตกต่างของสภาวะที่เกิดปัญหาและที่ไม่เกิดปัญหา

§ O: Option

· เทคนิคในการคิดสร้างสรรค์เพื่อหาไอเดียใหม่ในการแก้ปัญหายอดขายตก

§ S: Selection

· การคิดหาข้อพิจารณาและการทำ weighted rating

§ E: Execution

· การบริหารความเสี่ยงในการลงมือปฏิบัติ

o 3. Promotion จะคิด promotion อย่างไรที่ตอบโจทย์การแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงไป

§ A: Awareness

· การคิดแบบ divergent thinking และ convergent thinking เพื่อหาวัตถุประสงค์ของการคิด (objective finding)

§ I: Information

การวิเคราะห์สนามพลัง (Force-Field Analysis

· ) เพื่อค้นพบประเด็นหลักในการแก้ปัญหา

§ D: Definition

· การระบุแรงผลักที่ต้องเพิ่ม หรือแรงต้านที่ต้องลด

§ O: Option

· เทคนิคในการคิดสร้างสรรค์เพื่อหาไอเดียใหม่ในการทำโปรโมชั่นที่แตกต่าง

§ S: Selection

· การจับกลุ่มความคิดใหม่

· การประเมินกลุ่มความคิดใหม่

· การดัดความคิดใหม่ด้วยการทำ ppco

§ E: Execution

· การกำหนด action plan

· การกำหนด template เพื่อนำไปใช้ในการทำงานจริง

วันที่สอง

· ทบทวนการนำสิ่งที่เรียนรู้ในวันแรกไปใช้ในการทำงานจริง

o อุปสรรคที่เกิดขึ้น

o หาหนทางหลบเลี่ยงหรือเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้น

· ทบทวนโมเดล A.I.D.O.S.E

· การนำเครื่องมือในการคิดมาใช้กับกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบเพื่อแก้ปัญหาในสถานการณ์จริง (ต่อ)

o 4. การบริหาร Vendor เช่น Vendor weak หรือ vendor ที่ให้ความสำคัญกับ channel อื่น ต้องบริหารอย่างไร

§ A: Awareness

· การตระหนักถึงเกมส์ในการเจรจาต่อรอง

§ I: Information

· การหาข้อมูลเพื่อประเมินค่า relationship และ outcome

§ D: Definition

· การเพิ่มค่า R และ O

§ O: Option

· เทคนิคในการคิดสร้างสรรค์เพื่อหาไอเดียใหม่ในการบริหาร vendor

§ S: Selection

· การดัดความคิดใหม่ด้วยการทำ ppco

§ E: Execution

· การปรับสไตล์ให้เกิด win-win

o 5. การเติมเต็ม Gap ของสินค้า ให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าของเรา เช่นการลงสินค้าสาขาใหม่, การเลือกสินค้าลงสาขา

§ A: Awareness

· การหา ideal ของสาขาต่างๆ

§ I: Information

· การหา actual ของสาขาต่างๆ

§ D: Definition

· การทำหนด gap ของสาขาต่างๆ

§ O: Option

· การเติมเต็มช่องว่าที่เกิดขึ้น

§ S: Selection

· การคิดหาข้อพิจารณาและการทำ weighted rating

§ E: Execution

· การสื่อสารเพื่อให้เกิดความร่วมมือจากสาขาต่างๆ

o 6. การบริหารสินค้า slow move และ Non Move

§ A: Awareness

· ปัญหาที่ต้องแก้ไข (Fix-it Problems)

§ I: Information

· การค้นหาสาเหตุด้วยการวิเคราะห์ก้างปลา

§ D: Definition

· การตั้งนิยามปัญหาที่แท้จริง

§ O: Option

· การหาทางเลือกด้วยการกำจัดสาเหตุของปัญหา

§ S: Selection

· การคิดหาข้อพิจารณาและการทำ weighted rating

§ E: Execution

· การทำ pilot project

· การกำหนด template เพื่อนำไปใช้ในการทำงานจริง

ระยะเวลา 2 วัน

หลักสูตร การวางแผนและการบริหารโครงการในสภาวะวิกฤต

หลักการและเหตุผล

ในปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีว่า หลายองค์การทั้งภาครัฐและภาคเอกชน กำลังเผชิญสภาวะวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ต่างก็ต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตลอดเวลา แนวคิดเรื่องการวางแผนและการบริหารโครงการจึงถือเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการช่วยให้องค์การขับเคลื่อนไปด้วยดี สามารถแก้ไขปัญหาทั้งภายในและภายนอกองค์การ การบริหารโครงการยังช่วยให้มีการปรับปรุงการทำงาน การพัฒนาแนวทางในการผลิตสินค้าหรือบริการ หรือการพัฒนาบุคลากรได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

หลักสูตรการวางแผนและการบริหาร มีสาระสำคัญที่ครอบคลุมถึงเรื่องการวางแผน การบริหาร การจัดการ การพัฒนา การจัดการปัญหาอย่างมีกลยุทธ์ การประเมินความเสี่ยง การวิเคราะห์ปัจจัยแห่งความสำเร็จ การกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จ การติดตาม ควบคุม ตรวจสอบ การประเมินผลโครงการ

หลักสูตร “การวางแผนและการบริหาร” ยังช่วยให้การดำเนินงานขององค์การสามารถสนองนโยบายหรือและเพื่อแก้ไข ป้องกันปัญหาต่าง ๆ ในองค์การ เพราะในการบริหาร ต้องมีการวางแผน มีการบริหารจัดการ มีการควบคุมตรวจสอบ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบรรลุวัตถุประสงค์ เป้าหมายขององค์การ และเพื่อลดความเสี่ยง ลดต้นทุนการดำเนินการให้องค์การได้อีกด้วย

วัตถุประสงค์ของหลักสูตร เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรม

1. มีความรู้ เกี่ยวกับ ภาพรวมในการวางแผนและการบริหารโครงการ

2. สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับ ไปบูรณาการใช้ในการปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดี

3. สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับ ช่วยองค์การหรือผู้บริหารในการวางแผน การจัดทำโครงการ การบริหารโครงการ การตรวจสอบ และประเมินผลโครงการขององค์การได้

เนื้อหาหลักสูตรโดยย่อ มีดังนี้

1. ความรู้พื้นฐานในการบริหาร หลักการจัดทำโครงการ เครื่องมือในการออกแบบ ความจำเป็นของการบริหาร

2. การจัดทำแผนการดำเนินงานบริหาร (Project Plan) ส่วนประกอบต่าง ๆ ของแผนการดำเนินโครงการ ข้อพึงระมัดระวังในการจัดทำโครงการ

3. หลักการวัดและประเมินผลโครงการ

4. ชนิดและความหมายของ ตัวชี้วัด ความสำเร็จในการบริหารโครงการและการเลือกตัวชี้วัดมาใช้ในโครงการ

5. กรณีศึกษา ตัวอย่างโครงการของภาครัฐ-ภาคเอกชน

ระยะเวลา 1 วัน

หลักสูตร ฮวงจุ้ยระบบ 64 ข่วย 三元玄空大卦

รายละเอียดหลักสูตรมีดังต่อไปนี้

· วงชั้นต่างที่ของหล่อแกในวิชาฮวงจุ้ยระบบ 64 ทิศทาง

· ชื่อและความหมายของข่วยทั้ง 64 ชุด

· การวัดทิศทางของบ้านในระบบ 64 ข่วย

· 16 ทิศหันและทิศนั่งที่ดีในยุคปลาย

· ทิศที่ดีกับดวงของแต่ละบุคคลในบ้าน

· การถอดดวงชะตาแปลงเป็นข่วย ทั้งข่วยวัน/เดือน/ปี/และยามเกิดของบุคคล

· วิธีการต่งเง้าเปลี่ยนเส้นแบบ 7 รุ่น

· วิธีการต่งเง้าเปลี่ยนเส้นแบบ 6 เส้น

· วิธีการต่งเง้าเปลี่ยนเส้นแบบ 11 เส้น

· การพิจารณาง้าวทั้งแบบ 384 ง้าว และแบบ 704 ง้าว

· การพิจารณาง้าวระบบเฉาโหยวฮ่วนเซี่ยง (抽爻換象) เพื่อหาง้าวที่ดีที่สุด

· วิธีการเลือกง้าวที่ดีและไม่ดี

· การพิจารณาง้าวที่ดีในง้าวของยุค 6 (จุดไข่ปลาคาบเส้นง้าว)

· คนไหนที่อยู่ในข่วย และนอกข่วย (ได้รับผลจากองศาทิศทางของบ้าน)

· ระบบการหาในข่วยและนอกข่วยของทิศดีและร้าย

· การเปลี่ยนพลังร้ายให้กลายเป็นดี เพื่อเสริมบ้านที่อยู่อาศัย และธุรกิจ

· ผังก่อนฟ้า ผังกลางฟ้า และผังหลังฟ้า

· ยุคของข่วยในระบบ 64 ข่วย

· ยุครุ่งเรืองและเสื่อมโทรมในระบบ 64 ข่วย

· ยุครุ่งเรืองและยุคเสื่อมโทรมของที่อยู่อาศัย และธุรกิจ

· การพิจารณา“เจี้ยซิ้ง” และ “หลั่งซิ้ง” (零正顛倒) ชั้นสูง

· การหาตำแหน่งการศึกษา และตำแหน่งการกระตุ้นสมอง เพิ่มความจำ

· การดูห้องนอนและสุขภาพในระบบ 64 ข่วย

· การพิจารณาข่วยดีและข่วยร้ายของห้องนอน

· การปรับห้องนอนรับข่วยที่ดีเพื่อแก้ปัญหาสุขภาพ

· การวางตำแหน่งเตา ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในบ้าน ที่มีผลต่อสุขภาพ ร่างกาย และฐานะทางการเงิน

· การตั้งน้ำกระตุ้นโชคในระบบ 64 ข่วย

· การหาทิศทางน้ำเข้า-น้ำออกของตัวอาคารบ้านเรือน

· การดึงพลังมังกรด้วยการเจาะช่องลมในวิชา 64 ข่วย

· หลักการหาความสัมพันธ์แบบ “ภาคี 5-ฮะโหงว” , “ภาคี 10-ฮะจั๊บ” , “ภาคี-ฮะจั๊บโหงว” และ “ภาคีก่อเกิด-ฮะแซเซ้ง”

· ทิศมังกร ทิศภูเขา ทิศหัน ทิศน้ำ ในระบบ 64 ข่วย (เล้ง-ซัว-เหี้ยง-จุ้ย 龍山水向)

· ความหมายของเล้ง (พลัง)

· ความหมายของซัว (จ๋อ/นั่ง)

· ความหมายของเหี้ยง (หัน)

· ความหมายของจุ้ย (น้ำ)

· 64 รูปแบบของ ภาคี 10 (ฮะจั๊บ 合十)

· 64 รูปแบบของ ภาคี 5 (ฮะโหงว 合五)

· 64 รูปแบบของ ภาคี 15 (ฮะจั๊บโหงว 合十五)

· 64 รูปแบบของ ภาคีสัมพันธ์ก่อเกิด (ฮะแซเซ้ง 合生成)

· 64 รูปแบบของ พลังปราณยุคบริสุทธิ์ (เจ็กข่วยสุ่งเช็ง 一卦純淸)

· 64 รูปแบบของ ภาคียุคสัมพันธ์ (ข่วยอุ่งเซียงธง 卦運相通)

· สัมพันธ์ขโมยโชค (ชิกแชผะเกียบ 七星打劫)

· ความสัมพันธ์ของทิศทางที่เป็นข่วยพ่อแม่ลูก (親緣交通)

· การพิจารณารูปแบบของการภาคีและผลกระทบดี/ร้าย

· การเลือกใช้รูปแบบของการภาคีให้เหมาะกับบ้านหรืออาคาร และบุคคล ให้บรรลุตามเป้าหมายที่ต้องการ (陽宅行事運作)

· พลังมังกรและน้ำ กับการภาคีรูปแบบต่างๆที่สอดคล้องและไม่สอดคล้อง

· การวิเคราะห์ชัยภูมิ เหตุการณ์ ผลกระทบ และคำทำนายทุกองศา

· ประสิทธิภาพของข่วยพิเศษ ที่ดีข้ามยุคสมัย

· วงข่วยชั้นนอกและชั้นใน (ข่วย 6 เส้น และข่วย 12 เส้น)

· หลักการนำระบบหนับกะ 2 ชั้น มาใช้พิจารณาและทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับบุคคลต่างๆในครอบครัว

ระยะเวลา 1 วัน

หลักสูตรความรับผิดชอบ (Accountability)

หลักการและเหตุผล

ความมุ่งมั่นในการปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบให้ประสบความสำเร็จ และผลิตผลงานและบริการที่มีคุณภาพ เป็นมาตรฐาน พร้อมทั้งมุ่งมั่นพัฒนาปรับปรุงการปฏิบัติงานด้วยการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และแลกเปลี่ยนประสบการณ์

สิ่งที่เราอยากเห็นนั้นไม่ผิดอะไร ใคร ๆ ก็อยากได้อย่างนี้ทั้งนั้น แต่สิ่งเหล่านี้เป็นไปได้ยากในชีวิตจริง เพราะคนที่ทำให้เรารู้สึกหงุดหงิดเหล่านั้นเป็นคนที่ยังขาดจิตสำนึกและไม่เข้าใจความสำคัญของการมีความรับผิดชอบส่วนตัว

คำว่าจิตสำนึกและความรับผิดชอบส่วนตัวนี้ ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า personal accountability ซึ่งเป็นคำที่แปลยากมาก พจนานุกรมทั่วไปมักจะแปลคำว่า accountability ว่า ความรับผิดชอบ แต่ความจริงแล้วคำนี้มีความหมายลึกซึ้งกว่านี้มาก เพราะคำนี้ไม่ได้แปลว่าความรับผิดชอบที่เกิดจากการได้รับมอบหมายหน้าที่เท่านั้น แต่ยังหมายถึงความรับผิดชอบอันเกิดจากจิตสำนึกทางด้านศีลธรรม, จริยธรรม, และ พรหมวิหารธรรมด้วย

วัตถุประสงค์ของหลักสูตร เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรม

1) ปฏิบัติงานตามมาตรฐานที่กำหนด

2) ไม่ลดมาตรฐานการปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือบุคคลอื่น

3) รักษาผลประโยชน์ของหน่วยงาน

เนื้อหาหลักสูตรโดยย่อ มีดังนี้

1. ความรับผิดชอบ

1.1 เข้าใจในงานตามความรับผิดชอบของตนเอง

1) ทำงานให้สำเร็จได้ตามเป้าหมายได้ด้วยตนเอง

2) วิเคราะห์และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในงานได้ด้วยตนเอง

3) ไม่สร้างผลงานที่มีผลกระทบในทางที่ไม่ดีต่อผู้อื่น

4) จัดเก็บข้อมูลในการทำงานอย่างเป็นระบบ

5) จัดลำดับความสำคัญและความเร่งด่วนของการทำงานได้

6) ผลงานตรวจสอบความถูกต้องได้

1.2 ผลิตผลงาน/บริการ ให้ได้ตามมาตรฐานที่กำหนด มีคุณภาพ

1) มุ่งมั่นในการปฏิบัติงานให้ได้ตามเป้าหมายที่กำหนด

2) ปฏิบัติงานได้ทันเวลา และมีประสิทธิภาพ

3) คำนึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด และมีประสิทธิภาพ

2. ยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง เข้าใจวัตถุประสงค์หลักของการปฏิบัติงาน

ระยะเวลา 1 วัน

หลักสูตร “ประสบความสำเร็จด้วยความคิดเชิงบวก”

(Success with Positive Thinking)

หลักและเหตุผล

ในสภาวการณ์ปัจจุบันที่สิ่งต่างๆรอบตัวเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อตนเองทำให้อาจเกิดผลกระทบต่อการทำงานได้ ดังนั้นการคิดในเชิงบวกเป็นแนวทางหนึ่งที่ทำให้สามารถบรรเทาความรุนแรงของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ และยังเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อีกทางหนึ่งด้วย

วัตถุประสงค์

1. เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้เข้าอบรมมีความคิดเชิงบวกในการทำงาน

2. เพื่อให้ความคิดเชิงบวกเป็นแรงผลักดันให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพ

หัวข้อวิชา

§ เทคนิคในการวิเคราะห์ว่าคุณเป็นคนประเภทใด

§ กุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความคิดเชิงบวก

§ การเปลี่ยนวิธีคิดและพฤติกรรมของตนเอง

§ เทคนิคการพัฒนาการคิดเชิงบวก

§ การใช้หลักความฉลาดทางอารมณ์ส่งเสริมการคิดเชิงบวก

ประโยชน์คาดว่าจะได้รับ

1. ทำให้ผู้เข้าอบรมกล้าที่จะคิดอย่างมีเหตุผลรองรับ

2. ผู้เข้าอบรมสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการคิดและพฤติกรรมเพื่อเอื้ออำนวยต่อการพัฒนาศักยภาพสู่ขีดสูงสุด

ระยะเวลา 1 วัน

หลักสูตร กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ที่ฝ่ายบุคคลต้องรู้

หลักการและเหตุผล

ในในยุคปัจจุบันนี้ เจ้าของกิจการหรือองค์ธุรกิจได้นำระบบการจัดการแบบใหม่ๆ เข้ามาบริหารงานในองค์กรอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็นระบบ บริหารจัดการคุณภาพ ISO 9001:2000 หรือระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001:2004 และระบบมาตรฐานอื่นอีกมากมายตามที่ลูกค้ากำหนด

หากผู้ปฏิบัติงานด้านงานบุคคลขาดความรู้อย่างแท้จริงในเรื่องกฎหมายแรงงานจะทำให้มีปัญหาด้านกฎหมายหลบซ่อนอยู่มากมายในการบริหารงาน และรอวันที่จะปรากฏออกมา ซึ่งอาจจะยากที่จะแก้ไขในวันหน้า

วัตถุประสงค์

§ เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ความเข้าใจหลักเกณฑ์ ขั้นตอนและวิธีการปฏิบัติในกระบวนการแรงงานสัมพันธ์อันเกี่ยวกับการแจ้งข้อเรียกร้อง การระงับข้อพิพาทแรงงาน เกี่ยวกับการจ้างและการทำงาน และการป้องกันมิให้เกิดการกระทำอันไม่เป็นธรรมต่อลูกจ้าง

§ กฎหมายมีความสำคัญมากขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขใหม่ ๆ ที่ทำให้ความรู้เก่า ๆ ใช้ไม่ได้แล้วในหลายกรณี ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเรียนรู้ และทำความเข้าใจกับกฎหมายแรงงานอย่างแท้จริง รวมทั้งผู้ที่เคยรู้อยู่บ้างแล้วก็ควรเข้ามาสัมมนา เพื่อ Update กฎหมายและแนวคำพิพากษาฎีกาใหม่ ๆ ก่อนจะสายเกินแก้􀁽 เป็นหลักสูตรแนะนำความรู้ด้านกฎหมายที่เน้นภาคปฏิบัติและวิธีแก้ปัญหา ถ่ายทอดอย่างเข้าใจง่าย แม่นยำ ตรงประเด็นกับความต้องการของฝ่ายบุคคล ที่ต้องการทราบหลักกฎหมายที่ชัดเจน ทางแก้ของการที่บริษัทเคยทำผิดไว้ รวมทั้งการแก้ปัญหาเชิงแรงงานสัมพันธ์

§ เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถกำหนดแนวทางหรือรูปแบบในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาแรงงานสัมพันธ์ในสถานประกอบการได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน

รายละเอียดหลักสูตร

1. สัญญาจ้างงานที่สมบูรณ์ ควรมีข้อความอย่างไร แนะนำตัวอย่างสัญญาจ้างงานทุกประเภท... ที่ปรับปรุงใหม่อย่างสมบูรณ์)

2. อะไร เป็น ค่าจ้าง อะไร เป็นสวัสดิการเทคนิคการเขียนหลักเกณฑ์การให้สวัสดิการอย่างรัดกุม ไม่เกิด ปัญหาตามมา

3. ข้อกฎหมายและปัญหาที่เกี่ยวกับลูกจ้างทดลองงาน

4. การจัดให้มีหลักประกันในการจ้างงานบางลักษณะงาน และปัญหาที่ควรระวัง

5. การแก้ปัญหาเกี่ยวกับการจ้างเหมาค่าแรงที่ต้องจัดสิทธิประโยชน์และสวัสดิการที่เป็นธรรมให้โดยไม่เลือกปฏิบัติ

6. ปัญหาที่ทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการจ้างงานแบบมีกำหนดเวลา ที่สถานประกอบการต่าง ๆ นิยมจ้างกัน โดยไม่รู้ว่าเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่เกี่ยวกับความรับผิดชอบเรื่องค่าชดเชย

7. ข้อกฎหมายเกี่ยวกับวันหยุด วันลา ทุกประเภท รวมทั้งการเปลี่ยนวันหยุด แลกวันหยุด

8. ปัญหาการทำงานและการจ่ายค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุดในภาคปฏิบัติที่ยังมีเรื่องที่ไม่สอดคล้องกับกฎหมาย อีกมาก

9. การเขียนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่สมบูรณ์และรัดกุม ควรต้องระวังเรื่องอะไรบ้าง

10. วินัย การลงโทษทางวินัย เทคนิคการสอบข้อเท็จจริง การออกหนังสือเตือน

11. การเลิกจ้าง การจ่ายค่าชดเชย ข้อควรระวังปัญหาที่จะตามมา

12. วิธีเปลี่ยนสภาพการจ้าง

13. รวมทั้งกฎหมายเกี่ยวกับการทำงานอื่น ๆ เช่น กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ / ประกันสังคมประเด็นที่ใช้มากและมักมีปัญหาในทางปฏิบัติ

ระยะเวลา 1 วัน

หลักสูตร การพัฒนาทักษะหัวหน้างาน

(Supervisory Development)

หลักการและเหตุผล

หัวหน้างานในปัจจุบันเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการทำงานให้สำเร็จ โดยอาศัยความร่วมมือจากผู้อื่น คือจากทั้งเพื่อนร่วมงาน ผู้บังคับบัญชาและที่สำคัญคือผู้ใต้บังคับบัญชา ดังนั้นจึงต้องมีทักษะในการดำเนินงาน รู้ว่าบทบาทหน้าที่ ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ของการเป็นหัวหน้างานจิตวิทยาในการปฏิบัติงาน กลยุทธ์ในการดำเนินงาน การเป็นผู้นำเพื่อให้การปฏิบัติงานสำเร็จไปสู่เป้าหมายที่องค์กรได้ตั้งไว้

วัตถุประสงค์

1. เพิ่มพูนความรู้ ความเข้าใจในแนวความคิดของการเป็นหัวหน้างาน รวมถึงความรู้พื้นฐานด้านต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการบริหารงาน และการบริหารคน

2. เพิ่มพูนความสามารถและฝึกทักษะเป็นผู้บังคับบัญชาที่ดี สามารถปฏิบัติหน้าที่ในการบังคับบัญชาได้อย่างมีคุณภาพมีประสิทธิภาพ

3. เพิ่มพูนทักษะในการที่จะทำให้หัวหน้างานมีภาวะผู้นำที่สมบูรณ์แบบ มีวิธีการที่จะสร้างแรงจูงใจ เพื่อกระตุ้นให้พนักงานทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างบรรยากาศแห่งการทำงานเป็นทีม ก่อให้เกิดพลังร่วม อันเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้องค์กรประสบความสำเร็จ

หัวข้อการสัมมนา

§ ความหมายและความสำคัญของหัวหน้างาน

§ คุณลักษณะของหัวหน้างานที่ดี

§ บทบาทหน้าที่ของหัวหน้างานที่ดี

§ ทักษะความรู้ของหัวหน้างาน

§ การพัฒนาภาวะผู้นำ

§ กลยุทธ์ การสร้างแรงจูงใจ เพื่อกระตุ้นให้พนักงานทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

§ เทคนิคการปกครองบังคับบัญชาลูกน้องประเภทต่างๆ

§ สรุป

วิธีสัมมนา การบรรยาย, กรณีศึกษา, วีดีโอ, การอภิปราย, การฝึกปฏิบัติ

ระยะเวลา 1 วัน

เทคนิคการนำเสนออย่างมีประสิทธิภาพ

Presentation Skills

หลักการและเหตุผล

เป็นที่ยอมรับว่าการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันนั้นย่อมต้องมีการติดต่อสื่อสาร พบปะเจรจาทางธุรกิจ รวมทั้งนำเสนองานให้กับบุคคลต่างๆ ทั้งในและนอกองค์กรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งการจะทำให้การเจรจาและนำเสนอดังกล่าวเป็นที่เข้าใจอย่างดี น่าประทับใจ และได้รับความเชื่อถือจากทุกฝ่ายนั้น นอกจากจะขึ้นอยู่กับบุคลิกภาพของผู้นำเสนอแล้ว ยังขึ้นอยู่กับการใช้เทคนิคการนำเสนอที่ถูกวิธี มีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับสถานการณ์อีกด้วย ทั้งนี้เนื่องจากการนำเสนอเป็นการถ่ายทอดข้อมูลและแสดงออกซึ่งความคิดเห็น ทัศนคติ และความเฉลียวฉลาดของผู้นำเสนอ ซึ่งต้องใช้ทั้งความรู้ ความสามารถ ทักษะและไหวพริบในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างมาก อย่างไรก็ตาม หากผู้นำเสนอได้รับแนวทางและฝึกอบรมมาอย่างเพียงพอ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการนำเสนอ ได้รับความเชื่อถือ และความร่วมมือจากทุกฝ่ายก็ย่อมมีมากขึ้น ดังนั้น ผู้ปฏิบัติงานในองค์กรจึงควรมีความรู้ ความเข้าใจ และมีโอกาสได้ฝึกฝนทักษะการนำเสนอ เพื่อให้สามารถเจรจาและนำเสนองานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล อันจะส่งผลให้องค์กรเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น

วัตถุประสงค์

เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคและวิธีการนำเสนอต่างๆ รวมทั้งวิธีการเตรียมตัว เตรียมอุปกรณ์ เนื้อหาสาระ และการสร้างความมั่นใจให้กับตนเองในการนำเสนอ ตลอดจนสามารถนำความรู้เหล่านี้ไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

หัวข้อการสัมมนา

- ความสำคัญและจุดมุ่งหมายของการนำเสนอ (พร้อมตัวอย่าง)

- องค์ประกอบของการนำเสนอ

- การเตรียมตัวเพื่อการนำเสนอ

- การวิเคราะห์วัตถุประสงค์เฉพาะและกลุ่มเป้าหมาย

- การค้นคว้าและการเตรียมเนื้อหาสาระ

- การเตรียมบุคลิกภาพและการปรับเปลี่ยนทัศนคติ

- การเตรียมอุปกรณ์และสถานที่

- การทดสอบ

- การสร้างความมั่นใจในการนำเสนอ

- วิธีการนำเสนอ (จากการเตรียมตัวสู่การนำเสนอจริง)

- ฝึกปฏิบัติการนำเสนอ (โดยให้มีการเตรียมตัวล่วงหน้าเล็กน้อย) ตามด้วยการวิเคราะห์

- ผู้เข้ารับการฝึกอบรมแต่ละคนจะได้รับมอบหมายให้เตรียมงานมานำเสนอ

- ทบทวนเนื้อหาสาระของวันแรก/ถาม-ตอบปัญหาเพิ่มเติม

- ฝึกปฏิบัติการนำเสนอ (จากการเตรียมตัวล่วงหน้ามาแล้ว) ตามด้วยการวิเคราะห์

- เทคนิคการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

- เทคนิคการนำเสนอในโอกาสต่างๆ

- ฝึกปฏิบัติการนำเสนอ (โดยไม่มีการเตรียมตัวล่วงหน้า) ตามด้วยการวิเคราะห์

- แนวโน้มของเทคนิคการนำเสนอสมัยใหม่

ระยะเวลา 2 วัน

การบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิผล

Time Management

หลักการและเหตุผล

เวลาเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุดที่คนเรามี ดังนั้นเราจึงควรใช้เวลาที่มีอยู่ให้มีคุณค่าและใช้อย่างระมัดระวัง หรืออาจกล่าวได้ว่าชีวิตก็คือเวลาที่เรามีอยู่สำหรับการทำสิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้ งานที่สำคัญที่สุดในชีวิตก็คือใช้เวลาที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เหตุที่เวลาเป็นสิ่งมีค่าก็เพราะ เวลามีจำกัด ไม่มีใครสามารถซื้อเวลาเพิ่มได้ ไม่มีใครสามารถเก็บสะสมเวลาเพื่อนำมาใช้ใหม่ได้ เป็นไปไม่ได้ทีจะทำให้เวลาเพิ่มขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว มันจะผ่านเลยไปไม่มีวันหวนกลับมาอีก และเวลาคือชีวิต จากการสำรวจประสิทธิภาพการทำงานของคนภาคธุรกิจพบว่า ประสิทธิภาพของคนมีเพียง 30 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น หรืออีกนัยหนึ่งก็คือผู้คนใช้เวลาอย่างสูญเปล่าถึง 60-70 % เวลาและพลังงานที่สูญเสียไปส่วนใหญ่เกิดจากการขาดเป้าหมายที่ชัดเจน ขาดการวางแผน ขาดการจัดลำดับความสำคัญของงานที่จะทำ และขาดมุมมองที่ชัดเจน

วัตถุประสงค์

1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมเกิดความรู้ความเข้าใจ และตระหนักในหลักและวิธีการบริหารเวลาที่มีประสิทธิภาพ

2. เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถบริหารเวลาได้อย่างทรงประสิทธิภาพ ด้วยการฝึกฝนเทคนิควิธีการกำหนดเป้าหมายของงานอย่างแน่นอนชัดเจน การวางแผนและการกำหนดตารางการทำงาน การจัดลำดับความสำคัญของงาน และการกำหนดมุมมองที่ชัดเจน

วิธีการสัมมนา

การสัมมนาจะประกอบด้วยการบรรยาย การอภิปราย การศึกษากรณีตัวอย่างเกี่ยวกับปัญหาการใช้ให้เป็นประโยชน์หรือใช้เวลาอย่างสูญเปล่า จนสามารถนำมากำหนดเตรียมวางแผน ควรใช้เวลาอย่างมีคุณค่าให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งในด้านการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว โดยมุ่งเพิ่มทักษะและเสนอแนะเทคนิคต่าง ๆ ที่จำเป็นในการบริหารเวลา

หัวข้อการอบรม

1. เทคนิคและวิธีการใช้เวลาให้เหมาะสม

2. การวิเคราะห์เวลาที่สูญหาย

3. การกำหนดเป้าหมาย

4. การวางแผนงานและการกำหนดตารางการทำงาน

5. การจัดลำดับความสำคัญของงาน ตามหลักการและทฤษฎี ABC

6. การบริหารเวลา (Time Management)

• การบริหารเวลาด้วยการจ่ายงาน

• เทคนิคการวางแผนบริหารเวลา

• สูตรสำเร็จการบริหารเวลา

• หลักการบริหารเวลาที่มีประสิทธิภาพ

• การบริหารเวลาด้วยการปรับปรุงงาน

• การบริหารเวลาการประชุม

7. การสร้างและการใช้ Time Planner

8. กลยุทธ์การบริหารเวลาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ระยะเวลา 1 วัน

ค้นหาบล็อกนี้

puasansern999

บริษัท Executive Plus รับจัดการฝึกอบรมและสัมมนาให้กับองค์การภาคธุรกิจหรือภาครัฐ

หลักสูตร Counseling Technique

หลักสูตร พัฒนาคุณภาพชีวิตสู่สภาวะสมดุล

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ระบบการเมืองที่ดีเหมือนปลาในอ่างแก้วที่มองเห็นตัวปลาชัดเจน

108 คำคมขงเบ้ง คำคมสอนใจ จากขงเบ้ง

ตัวแบบงบประมาณผูกพัน (Beyond Budgeting) ตอนที่หนึ่ง

เก็บ